พ่อใจดี ซื้อมือถือใหม่ให้แม่ น่ารักที่สุด พ่อหนูไปซื้อที่พารากอน เรานัดเจอกันตอนเที่ยง พ่อพาแม่ไปทานข้าวและเลือกดูมือถือ จากนั้นพ่อก็ตัดสินใจซื้อให้แม่ แม่ดีใจมาก เพราะแม่คิดว่า ไม่น่าเกินสามสี่พันบาท แม่ไม่ค่อยเก่งเทคโนโลยี แต่พ่อใจดี ซื้อให้ตั้งเจ็ดพันบาท
Samsung Galaxy Gio S5660 ( ซัมซุง Galaxy Gio S5660 ) |
ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> catalog มือถือ >> Samsung ( ซัมซุง ) >> Samsung Galaxy Gio S5660 ( ซัมซุง Galaxy Gio S5660 ) |
|
|
พ่อหนูเลือกเองกับมือ ไปซื้อกันที่พารากอน ( 15-11-2011 )
มาเริ่มรีวิว Galaxy Gio
ต้องบอกว่า Galaxy Gio นั้นเป็นมือถือแอนดรอยด์ราคา 7 พันกว่าบาทที่วัสดุเยี่ยม เมื่อได้สัมผัสรู้สึกได้ถึงความทนทานของตัวบอดี้ แถมดีไซน์ก้ยังสวยงามอีกด้วย ถึงแม้จะเป็นพลาสติกก็ตาม ขนาดของตัวเครื่องเพียงแค่ 110.5 x 57.5 x 12.15 มม. และน้ำหนักเพียงแค่ 102 กรัมเท่านั้น (เบากว่า Galaxy Mini อีก)
ด้านข้างมีปุ่มอยู่ทั้ง 2 ด้าน เริ่มจากรูปซ้ายมือ มีปุ่ม Power และ ช่องสำหรับใส่ SD Card ซึ่งไม่ต้องปิดเครื่อง หรือถอดแบตนั้นเอง สะดวกมากๆ ต่อมาเป้นรูปขวามือเป้นปุ่มเพิ่มและลดเสียง
ด้านบนมีช่องสำหรับเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ส่วนด้านล่างเป็นช่องสำหรับเสียบ Micro USB สำหรับชาร์จแบตและเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับคอมพิมเตอร์ สุดท้ายรูเล็กก็จะเป็นไมค์สำหรับเวลาคุยโทรศัพท์
ลองแกะฝาหลัง ซึ่งก็ตามมาตรฐานของมือถือแอนดรอยด์ทั่วไปคือแกะฝาหลังได้ และง่ายมากๆ ตัวนี้ก็เช่นกันแกะง่ายสุดๆ แทบไม่ต้องออกแรง แต่เวลาติดิยู่ที่เครื่องก็ใช่ว่าจะหลุดออกมาง่ายๆ ตัววัสดุฝาหลังดูทนทานดี
ด้านหลังเป็นกล้องความละเอียด 3ล้านพิกเซล ถัดมาอีกนิดก็เป็นลำโพงของตัวเครื่อง ฝาหลังมีลวดลายๆ คล้ายๆ กับผ้าหลังของGalaxy Cooper เพียงแต่ลวดลายแตกต่างกัน
ลองถ่ายรูปคู่ (ไม่ใช่เปรียบเทียบนะ) กับ Optimus One
ในด้านของ Software
Galaxy Gio มาพร้อมกับ Android 2.2.1 ตั้งแต่ตอนวางจำหน่าย สำหรับเรื่องที่ว่าจะได้รับการอัพเกรดเป็น Android 2.3 หรือเปล่าก็ต้องติดตามดูกันอีกทีครับ
หน้า Home Screen / เมนู / เปลี่ยนภาพพื้นหลัง / และเพิ่มแอพพลิเคชั่น เพิ่ม Widgets ต่างๆในหน้า Home
หน้า Home Screen สามารถเพิ่มได้ 8 หน้า ภาพต่อมาเป็น Notification และสุดท้ายคือ recent app (แอพล่าสุดที่เปิดใช้งาน)
หน้าฟังชั่นต่างๆ ในการใช้งานด้านโทรศัพท์
หน้าแอพพลิเคชั่น สามารถแก้ไขตำแหน่งต่างๆ ของแอพพลิเคชั่นได้
หน้าตาแอพพลิเคชั่นสำหรับถ่ายรูปและวีดีโอ สามารถตั้งค่าพื้นฐานทั่วไปได้
เนื่องจาก Galaxy Gio มาพร้อมกับ Android 2.2 หนึ่งฟีเจอร์ที่มาในเวอร์ชั่นนี้ก็คือ Tethering และ portable hotspot ช่วยให้เราสามารถแชร์เน็ตจากมือถือของเราไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ได้นั้นเอง
วีดีโอสาธิตการใช้งาน Galaxy Gio
ทดสอบประสิทธิภาพ
Neocore
Galaxy Gio ทดสอบด้วยแอพ Neocore ได้คะแนนสูงเลยทีเดียว 52.1FPS ลองเทียบกับมือถือแอนดรอยด์ในช่วงราคาที่ใกล้เคียงกัน ถือว่า Gio สุงสุด
Quadrant Standard
ทดสอบด้วย Quadrant Standard ได้คะแนน 562 ซึ่งต่ำกว่า Galaxy Mini นิดเดียว (นิดเดียวจริงๆ)
เกมที่รองรับ Galaxy Gio
Angry Birds Rio
Angry Birds
Angry Birds Seasons
Paper Toss
Angry Frog
Tank Hero
NinJump
เกมอื่นๆ ที่ผมทดสอบแล้วเล่นได้
กล้อง
ภาพนี้ถ่ายด้วย Galaxy Gio
ภาพนี้ถ่ายด้วย Optimus One
ภาพนี้ถ่ายด้วย Galaxy Gio
ภาพนี้ถ่ายด้วย Optimus One
ภาพอื่นๆ ที่ถ่ายด้วย Galaxy Gio ครับ
วีดีโอที่ถ่ายจาก Galaxy Gio
สรุป
Samsung Galaxy Gio มีวางจำหน่ายแล้วในราคา 7,990 บาทครับ Galaxy Gio เป็นมือถือแอนดรอยด์อีก 1 ตัวที่น่าใช้งาน ด้วยราคาที่ไม่แพงจนเกินเหตุ และประสิทธิภาพที่มาเกินราคา หาใครกำลังหามือถือแอนดรอยด์ราคาถูกที่สามารถเล่นเกม Angry birds (เล่นได้ทั้ง 3 เวอร์ชั่น) Galaxy Gio คงตอบโจทย์ข้อนี้ได้อย่างแน่นอน อีกทั้งในเรื่องการถ่ายรูป ผมว่ามันทำได้ดีกว่ามือถือรุ่นแพงๆ หลายๆ ตัวซะอีก (ถ้าไม่รับเรื่องของการถ่ายวีดีโอ)
แรกสัมผัส Galaxy Gio
จะว่ายังไงดีล่ะ ผมผู้ซึ่งเคยเป็นเจ้าของ Samsung Galaxy S มาพักใหญ่ๆ จนกระทั่งขายไปเพื่อเตรียมรับ Nexus S (ซึ่งตอนนี้อยู่ในครอบครองของผมแล้ว) เมื่อเห็นและได้จับเจ้า Galaxy Gio ครั้งแรกก็นึกว่า เฮ้ย มันคือ Galaxy S กลับชาติมาเกิดป่าววะ
ผมอาจจะคิดไปเอง? แต่ลองดูรูป Galaxy Gio (ซ้าย) กับ Galaxy S (ขวา) ก่อนดิ มันเหมือนกันจริงๆ นะ เพียงแต่ขนาดมันเล็กกว่า กับรายละเอียดต่างๆ แตกต่างกันนั่นเอง
ถ้าไม่มองประเด็นนั้น ก็ต้องบอกว่า รูปร่างของ Galaxy Gio นี่ สมส่วนดีมาก ดูแล้วเหมือน Samsung จะพยายามให้ Gio มีขนาดบาง และเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ภายใต้เงื่อนไขของขนาดหน้าจอ 3.2 นิ้ว ความละเอียด HVGA (Half VGA) หรือ 320×480 พิกเซล
รอบๆ ตัวเครื่อง
- ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
- ด้านซ้ายเป็นรูสำหรับร้อยสายห้อย กับปุ่มเพิ่มลดเสียง
- ด้านล่างก็เป็นพอร์ต Micro USB
- ด้านขวาเป็นปุ่มเปิดปิดหน้าจอ (ใช้ปิดเครื่องด้วย) แล้วก็ช่องใส่ MicroSD Card
- ด้านหน้าเป็นหูฟังโทรศัพท์ หน้าจอ 3.2 นิ้ว และปุ่ม 3 ปุ่ม คือ Menu, Home และ Back
- ด้านหลังเป็นกล้องดิจิตอลความละเอียด 3 ล้านพิกเซล
ประสิทธิภาพของเครื่อง
เป็นธรรมเนียมเช่นเคย ที่ตอนแรกสุด ผมต้องมารีวิวประสิทธิภาพของเครื่องในเชิง Objective ซะก่อน ด้วยโปรแกรม Benchmark ต่างๆ ครับ
Samsung Galaxy Gio ก็ถือว่าทำคะแนนได้ไม่เลวทีเดียว สำหรับ Android Smartphone ระดับกลาง โดย Quadrant Advanced ได้ 577 คะแนน ส่วน neocore ได้ 53.1fps ซึ่งอย่างหลังเนี่ย ค่อนข้างเรียกว่าสูงทีเดียว แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะ ในขณะที่ GPU นั้นเป็น Adreno 200 เหมือนเครื่องระดับกลางถึงระดับสูงสมัยก่อน แต่หน้าจอความละเอียด HVGA เลยทำให้ทำคะแนนได้ดี
ลองทดสอบด้วยผลการทดสอบ an3dbench กับ an3dbenchXL ครับ (ดูเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่น รุ่นอื่นได้ที่http://bit.ly/an3dbench) ก็ต้องบอกว่า ได้ผลคะแนนออกมาค่อนข้างดีทีเดียวละครับ
แน่นอนว่า Samsung Galaxy Gio นั้นก็ยังคงมาตรฐานเดิมตามที่ผมบอกเอาไว้ครับ … จริงๆ แล้ว ถ้าเอา Widget อื่นๆ ขึ้นมาวางไว้อย่างในรูปซ้ายสุด (ที่ผมเอา Google Search กับ Power Control ขึ้นมาวาง) มันก็ทำให้ดูแตกต่างจาก iPhone อยู่หรอกครับ แต่ถ้าเกิดเราเอา Application Shortcut มาวางเรียงกันพรืด หรือ เปิด App Drawer (ปุ่มล่างสุดขวามือ ที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินมีสี่เหลี่ยมสีขาวเล็กๆ อยู่ข้างใด) ละก็ ใครที่คิดถึงระบบปฏิบัติการ iOS อาจเกิดโรค Home Sick ขึ้นมาได้เลยทีเดียว
แต่ไม่ว่าใครจะว่างยังไง ผมมองว่า UI แบบนี้แหละครับ ใช้ง่าย เข้าใจง่ายที่สุดแล้ว สำหรับผู้ใช้งานทั่วๆ ไป ที่ไม่คุ้นเคยกับหน้าจอทัชสกรีนมาก … ทุกอย่างเรียงไปไอคอนอย่างเป็นระเบียบ ขนาด 4×4 = 16 แถมแถวล่างสุดอีก 4 ไอคอน สำหรับการเรียกใช้งาน App พื้นฐานที่ใช้งานบ่อย ได้แก่ (จากซ้ายไปขวา) Phone, Contact, Email และ Home/App Drawer
เวลาที่เราแตะที่ไอคอน App บน iPhone ค้างไว้จนมันสั่น มันก็จะให้เราย้ายไอคอนไปมาได้ และถ้าแตะตรงเครื่องหมาย – ปุ๊บ มันก็จะ Uninstall App ตัวนั้นออกไปใช่มะ … ถ้าเราอยู่ใน App Drawer แล้ว แตะที่ปุ่มเมนู แล้วเลือก Edit มันก็จะเข้าสู่หน้าจอที่คล้ายกันเลย เราจะสามารถย้ายไอคอนไปมาระหว่างหน้าได้ และแตะที่เครื่องหมาย – ก็จะ Uninstall App ออกเช่นกัน
อีกจุดหนึ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับ UI ของ Samsung ก็คือ Notification Bar ที่ไม่เพียงแต่จะแสดง Notification ต่างๆ ของ Android แต่มีสวิตช์สำหรับเปิดปิดฟังก์ชั่นต่างๆ ได้แก่ WiFi, Bluetooth, GPS, ระบบสั่น และ ล็อกการหมุนหน้าจอด้วย ทำให้การใช้งานมันสะดวกครบครันจริงๆ
ซื้อ Smartphone มาก็ต้องโทรศัพท์ด้วยสินะ
Samsung ถือเป็นค่ายหนึ่งที่ทำ Phone App บน Android ออกมาได้ดี ปุ่มกดใช้ง่าย และมีคุณสมบัติ Smart Dial คือ แค่กดหมายเลข หรือตัวอักษรบนหมายเลข มันก็จะทำการค้นหาชื่อของคนที่คิดว่า น่าจะเป็นคนที่เราต้องการหา
อย่างเช่นในภาพด้านล่างนี่ ผมแตะที่เลข 8 มันก็ทำการค้นหาคนที่มีเบอร์ตัวแรกเป็นเลข 8 (ซึ่งมันไม่มีร้อก เหอๆ) หรือ ชื่อตัวแรกขึ้นต้นด้วยตัวอักษร T, U หรือ V
ท่องเว็บ อ่านอีเมล์ และมัลติมีเดีย ตามสไตล์ Smartphone
ด้วยขนาดหน้าจอ 3.2 นิ้ว ความละเอียด HVGA (320×480 พิกเซล) จงทำใจแต่เนิ่นๆ ว่า แม้ Android Smartphone จะมีความสามารถในการท่องเว็บ และอ่านเมล์ (โดยเฉพาะ Gmail) ได้ดีขนาดไหน แต่จอเล็กๆ มันก็ดูไม่เต็มตาเต็มอารมณ์แน่นอน ถ้าเป็นเว็บ ก็ต้องซูมกันหนักหน่วงหน่อย แต่ถ้าเป็น Gmail มันซูมไม่ได้ ก็ต้องเข้าไปที่ Settings เพื่อปรับขนาดตัวอักษรแทน
การเล่นไฟล์มัลติมีเดีย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ลองเล่นวิดีโอขนาด HD 720p (Harry Potter ภาคจบ อิอิ) ไม่ได้ด้วย Player มาตรฐานของเครื่องนะครับ ต้องลองใช้ Rockplayer แทน และต้องรันในโหมด Software Decoding ด้วย ถึงจะพอเปิดได้ แต่กระตุกกึ้กๆๆๆๆ เลย
แต่เฮ้ย! คุณจะเอาอะไรมากกับ Smartphone ราคา 7 พันเศษล่ะครับ ความละเอียดจอ HVGA น่ะ ดูไฟล์ความละเอียดซัก 360p หรือ 480p ก็พอแล้ว
ดังนั้น เอาใหม่ … ลองดู Harry Potter ภาคจบ เหมือนเดิม แต่ปรับขนาดไฟล์ลงมาเหลือ 272×480 พิกเซล แทน ได้ผลว่า แจ่ม ภาพชัดแจ๋ว ไม่มีกระตุกเลย และลองดู YouTube (แน่นอนว่าต้อง โคนัน ของโปรด) พบว่าไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องการเล่น … เว้นแต่ เสียงลำโพงเบามากๆ (ก็สมตัวเล็กๆ ของ Gio จริงๆ)
จาก Android Smartphone ทุกยี่ห้อที่ผมได้รีวิวมา ผมบอกได้เลยว่า ผมชอบลูกเล่นของ Camera App จากค่าย Samsung ที่สุด ทำออกมาได้ดี มีลูกเล่นหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
- Shooting Mode ที่มีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา (Single Shot), ถุ่ายต่อเนื่อง (Continuous), ตรวจจับรอยยิ้ม (Smile Shot) และ พาโนรามา (Panorama)
- Scene Mode ที่เลือกได้ทั้งถ่ายวิว (Landscape), ถ่ายกลางคืน (Night), ถ่ายกีฬา (Sports), ถ่ายปาร์ตี้/ในที่ร่ม (Party/Indoor) และอื่นๆ อีกเพียบ
ส่วนหนึ่งคงเพราะว่า Samsung เป็นค่ายที่เป็นผู้ผลิตกล้องดิจิตอลอยู่แล้ว ก็เลยมีลูกเล่นให้ใส่เพียบละครับ … แต่ทว่า ลูกเล่นเยอะ ไม่ได้หมายความว่าจะทำได้ดีในทุกลูกเล่นนะครับ
ยกตัวอย่างนะครับ การถ่ายภาพพาโนรามา ซึ่ง Camera App ของ Samsung นั้น ช่วยให้ทำได้ง่ายๆ เพราะแค่เลือกโหมดนี้แล้วเริ่มถ่ายรูป โปรแกรมจะจัดการที่เหลือให้หมด เราแค่เลื่อนกล้องไปเรื่อยๆ จนภาพเข้ากรอบสี่เหลี่ยมสีเขียวมันก็จะถ่ายให้โดยอัตโนมัติ สูงสุดถ่ายต่อกันได้ 8 รูป … ข้อดี การเชื่อมต่อรูปทำได้เร็วมาก แต่ทว่าด้วยความเร็วของ CPU และกราฟิกชิปที่จำกัด ทำให้มือต้องนิ่งจริงๆ ไม่สามารถเลื่อนเร็วๆ ได้ ไม่อย่างนั้น ภาพเบลอสนิทครับ
คุณภาพของกล้องดิจิตอลของ Galaxy Gio นั้น ก็ตามภาพด้านล่างนี้ครับ
โดยส่วนตัวคือ ผลจากการที่ CPU และ GPU ไม่แรงมาก ทำให้ความสามารถในการประมวลผลภาพมันไม่สูง การปรับสมดุลแสงโดยอัตโนมัติเลยทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรนัก
คุณภาพของกล้องวิดีโอ … ก่อนที่ผมจะพูดอะไร ลองดูวิดีโอตัวอย่าง ที่ผมทดลองถ่ายหน้าจอ TV ช่อง ThaiPBS ก่อนครับ
ขอแยกวิจารณ์แบบนี้นะครับ
- ความละเอียดสูงสุดที่ถ่ายวิดีโอได้คือ 320×240 พิกเซล ถือว่าแค่พอใช้นะครับ สำหรับ Android Smartphone รุ่นจิ๋วแบบนี้ ด้วยขนาดนี้ มันเหมาะกับการถ่ายวิดีโอชิลๆ แล้วอัพโหลดขึ้น YouTube เอาฮามากกว่าการถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระทึกจริงจัง
- คุณภาพของภาพที่ได้ ต้องบอกว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ OK พอสมควรเลยทีเดียวครับ
- คุณภาพของเสียง ผมว่าเป็นอะไรที่ Samsung ยังต้องปรับปรุงอีกเยอะ เป็นแบบนี้ตั้งแต่ Samsung Galaxy S และ Galaxy Tab แล้ว ที่เสียงของ Noise ดันดังกว่าเสียงของสิ่งที่เราต้องถ่ายจริงๆ ซะงั้น ไมค์มันดูจะไวต่อเสียงรบกวนเกินเหตุ
การเล่นเกมบน Galaxy Gio
การเล่นเกมบน Galaxy Gio มีข้อจำกัด 2 ประการครับ คือ
- ด้วยสเปกหน้าจอความละเอียด 320×480 พิกเซล กับ CPU ที่ความเร็วไม่มาก ทำให้ตัวเลือกมันลดน้อยไปเยอะ แต่ยังดีที่เกมดีๆ อย่าง Tank Hero หรือ Angry Birds Rio ยังมีให้เลือก (แต่เกมระดับ HD อย่างเช่น AirAttach HD นี่หมดสิทธิ์)
- Internal Storage สำหรับติดตั้ง App มีน้อยครับ ลงเยอะๆ คงไม่ไหวแน่ๆ แม้บางเกมจะให้ย้ายลงไปบน SD Card เต็มๆ ได้ แต่ประสิทธิภาพในการเล่นก็จะลดลง
แต่อ่านเฉยๆ คงไม่ได้อะไรมาก ลองดูวิดีโอรีวิวเกมกันจริงๆ เลยดีกว่า
จากวิดีโอรีวิวด้านบนก็จะเห็นได้ว่า Samsung Galaxy Gio ก็สามารถเล่นเกม 3D ได้ดีในระดับหนึ่งเลยละครับ มีกระตุกบ้างเล็กๆ น้อยๆ ครับ
จิ๋วชนจิ๋ว Samsung Galaxy Gio vs LG Optimus One
จากอะไรหลายๆ อย่างแล้ว เจ้า Samsung Galaxy Gio นี่น่าจะฟัดกับ LG Optimus One กันโดยตรงเลย ทั้งขนาดหน้าจอ ความละเอียดหน้าจอ สเปก CPU และ GPU และอื่นๆ อีกเยอะแยะ แต่ถามว่า เมื่อฟัดกันตรงๆ แล้ว ใครเหนือกว่าใครนะ? ผมจะลองแจกแจงดูนะครับ
- คุณภาพของกล้องดิจิตอลที่ความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล (2048×1536) เท่ากัน ถ่ายด้วยโหมด Auto Focus เหมือนกัน ภาพถ่ายจากกล้องของ Samsung Galaxy Gio ทำออกมาได้ดีกว่า LG Optimus One
- ลูกเล่นกล้องของ Samsung Galaxy Gio กับ LG Optimus One ใกล้เคียงกัน แต่ไม่เหมือนกัน ยกนี้ผมว่าเสมอกัน (แต่โดยส่วนตัว ผมชอบ Gio เพราะมีโหมด Panorama)
- คุณภาพของกล้องวิดีโอ LG Optimus One ได้คุณภาพของวิดีโอที่ดีกว่า ส่วนหนึ่งเพราะตั้งความละเอียดไว้ได้สูงสุด 640×480 พิกเซล (VGA) ในขณะที่ Samsung Galaxy Gio ได้สูงสุดแค่ 480×320 พิกเซลเท่านั้นเอง นอกจากนี้ คุณภาพของเสียงที่ได้ LG Optimus One ก็มี Noise น้อยกว่าด้วย
- ประสิทธิภาพ CPU และ GPU ในการเล่นเกมของทั้ง Samsung Galaxy Gio กับ LG Optimus One สูสีกัน ไม่แตกต่างกันมาก ยกนี้ก็ให้เสมอกัน
- User Interface นี่ผมว่าของ Samsung Galaxy Gio กับ LG Optimus One ดีไปคนละแบบ ใครชินกับ iPhone จะชอบ TouchWiz ของ Gio มากกว่า ส่วน Optimus One ดีตรงที่แยก App ในเครื่อง กับ App ที่เราดาวน์โหลดมาไว้ออกจากกัน ทำให้การหา App ทำได้ง่ายขึ้น
- วัสดุที่ใช้ประกอบ ผมยกให้ LG Optimus One ชนะ Samsung Galxy Gio ครับ ดูทนทานกว่า … แต่ถ้าใครเน้นที่น้ำหนักเบาละก็ Gio จะชนะ Optimus One ครับ
ที่เหลือ ก็อยู่ที่ว่า คุณจะตัดสินใจเลือกตัวไหนแล้วละครับ
บทสรุปของ Samsung Galaxy Gio
ในภาพรวม Samsung Galaxy Gio เป็น Android Smartphone ราคาประหยัดที่มีสเปกและประสิทธิภาพดีในระดับหนึ่ง เรียกว่าใช้ไปแล้วไม่รู้สึกว่าหงุดหงิดมาก (แต่จะหงุดหงิดอีตอนที่ Internal Phone Storage เต็มเพราะลง App ไปเยอะๆ นี่แหละ) แต่หากใครซื้อเพราะอยากได้เอาไว้เล่นเกมหนักๆ หรือถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอจริงจัง ตัวนี้ไม่ใช่คำตอบของคุณแน่นอนครับ คงต้องลงทุนเพิ่มเงินอีกนิด เพื่อไปซื้อ Android Smartphone ในระดับ 10,000 – 13,000 บาท ครับ จะได้รุ่นที่มีคุณภาพของกล้องมากกว่านี้ครับ
ช่วงนี้กระแส Android กำลังมาแรง และหนึ่งในแบรนด์ยอดนิยม ที่นำเจ้าหุ่นเขียวนี้มาใช้ก็คงไม่พ้น Samsung ซึ่งเขามีสมาร์ทโพนแอนดรอยด์หลายรุ่นให้เราได้เลือก เช่น Galaxy S หรือ Nexus S ที่เน้นเจาะตลาดระดับบน ด้วยจอเทพ Super Amoled แต่ผมก็เชื่อได้ว่ายังมีอีกหลายๆคนที่ยังไม่รู้จักเจ้าระบบปฏิบัติการแอนดรอย์นี้ดีเท่าไหร่ จึงทำให้เวลาจะหาซื้อเครื่องมาเพราะแค่อยากลองก็กลัวเปลืองตัง ดังนั้นวันนี้ผมเลยมารีวิวแอนดรอยด์ราคาเบาๆ Samsung Galaxy Gio ที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเริ่มเข้าสู่โลกแอนดรอยด์แบบไม่เจ็บตัวกัน
แรกสัมผัสเจ้าตัว Gio นี้ ขอบอกว่าประทับใจในตัววัสดุมาก ถึงบอดี้จะเป็นพลาสติกแต่ก็ให้ความรู้สึกทนทาน เรียบหรู ดูดี และน่าใช้งานมาก แถมน้ำหนักของเจ้านี่ก็ไม่หนักมาก เพียง 102 กรัมเท่านั้น และขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่มาก ทำให้สะดวกในการพกพาและเหมาะสำหรับผู้หญิงเป็นอย่างยิ่ง หรือแม้แต่ผู้ชายเองจะใช้ก็ไม่มีปัญหา
ด้านขวาของเครื่องมีช่องเสียบ Micro SD Card และปุ่ม Power
ด้านซ้ายเครื่องมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
ด้านล่างเครื่องมีช่อง Micro USB
ด้านบนมีช่องหูฟัง 3.5 มม.
ด้านหลังเป็นพลาสติกแข็งผิวด้าน จับแล้วไม่เป็นรอยนิ้วมือ มีกล้อง 3.2 ล้านพิกเซล และลำโพงอยู่ข้างหลัง
Samsung Galaxy Gio Specification
CPU Qualcomm MSM7227 800 MHz (Overclock จาก 600 MHz)
หน้าจอขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล แบบ TFT 16 ล้านสี
GPU เป็น Adreno 200 ทำให้สามารถเล่นเกมส์ที่สเปคไม่แรงมากนักได้สบายๆ
ความละเอียดกล้อง 3.2 ล้านพิกเซล ถ่ายวีดีโอได้ 320 x 240 พิกเซล
CPU Qualcomm MSM7227 800 MHz (Overclock จาก 600 MHz)
หน้าจอขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล แบบ TFT 16 ล้านสี
GPU เป็น Adreno 200 ทำให้สามารถเล่นเกมส์ที่สเปคไม่แรงมากนักได้สบายๆ
ความละเอียดกล้อง 3.2 ล้านพิกเซล ถ่ายวีดีโอได้ 320 x 240 พิกเซล
OS Android Froyo 2.2
Samsung Galaxy Gio มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 2.2 Froyo พร้อมกับ TouchWiz UI 3.0 ของทาง Samsung เอง การใช้งานโดยทั่วๆไปนั้นทำได้อย่างไหลลื่นไม่มีติดขัด ไม่ว่าจะเป็นการใช้เล่นอินเตอร์เน็ท หรือเล่น Social Network ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter Foursquare หรือ Social Network อื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้แล้ว เจ้า Gio ตัวนี้ยังมีบริการ Google Service ติดมาให้ในตัวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Google Search, Google Map, Talk, Gmail, Calendar ทำให้เหมือนเรามี Organizer ชั้นเยี่ยมติดตัวอยู่ตลอดเวลา
Samsung Galaxy Gio มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 2.2 Froyo พร้อมกับ TouchWiz UI 3.0 ของทาง Samsung เอง การใช้งานโดยทั่วๆไปนั้นทำได้อย่างไหลลื่นไม่มีติดขัด ไม่ว่าจะเป็นการใช้เล่นอินเตอร์เน็ท หรือเล่น Social Network ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter Foursquare หรือ Social Network อื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้แล้ว เจ้า Gio ตัวนี้ยังมีบริการ Google Service ติดมาให้ในตัวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Google Search, Google Map, Talk, Gmail, Calendar ทำให้เหมือนเรามี Organizer ชั้นเยี่ยมติดตัวอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้เจ้า Gio ยังมีกล้องความละเอียด 3.2 ล้าน พิกเซล พร้อมระบบ Auto Focus มาให้ในตัว ทำให้เราสามารถถ่ายภาพสวยๆแล้วแชร์ให้เพื่อนๆดูได้ทันทีผ่าน Social Network ต่างได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
ด้วยความที่เป็น Android 2.2 Froyo ทำให้เราสามารถที่จะติดตั้ง application บางตัวลงใน SD Card แทนหน่วยความจำในเครื่องได้ ทำให้เราสามารถลง application ได้มากขึ้น และนอกจากนี้ตรงแทบ Notification bar ข้างบนยังมีปุ่มเปิดปิดการเชื่อมต่อไร้สายต่างๆ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วย ทำให้ไม่ต้องไปหา application เสริมมาลงให้เปลืองพื้นที่หน่วยความจำในเครื่อง และด้วยความเป็น Android 2.2 ทำให้มันสามารถทำ Wi-Fi Tethering เพื่อจำลองตัวเองเป็น Wi-Fi Hotspot ทำให้แชร์ Wi-Fi ให้กับโทรศัพท์เครื่องอื่นๆได้อีกด้วย
Samsung Galaxy Gio ยังมี Swype Keyboard ติดมาให้ในตัว ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษทำให้การพิมพ์ข้อความนั้นสะดวกสบายขึ้นเป็นอย่างมากทีเดียว หรือถ้าไม่ถนัดก็อาจจะสลับไปใช้ Keyboard อื่นๆที่มีติดมาในเครื่องหรือจะหา Keyboard อื่นๆมาลงเพิ่มเองได้นะครับ
พูดถึงจุดเด่นแล้ว มาดูข้อเสียที่พบเจอกันบ้าง
- จอทัชแรงๆหรือเปิดทิ้งไว้นานๆแล้วเป็นคลื่นน้ำ (เหมือนตอนเราเอานิ้วไปกดบนจอ LCD คอมแรงๆ) จากที่สังเกตุ ตรงกลางหน้าจอว่ามันเป็นรอยเหมือนโดนกด แต่ทิ้งไว้ซักพักก็จะเป็นเหมือนปรกติ
- จอไม่มีการปรับแสงอัตโนมัติ
- Rom+Ram น้อยไปหน่อย ตามสเปคระบุมาว่า ROM มี 512 MB แต่มีเหลือให้ใช้จริงประมาณ 181 MB ส่วน RAM มีประมาณ 278 MB แต่ใช้ได้จริงประมาณ 130 MB (ตรงส่วนนี้แล้วแต่เครื่องของแต่ละคนนะครับบางทีอาจจะไม่เท่ากัน)
- กล้องไม่มีแฟลช
สรุปส่งท้าย
เจ้า Samsung Galaxy Gio นี้เหมาะกับผู้ที่สนใจจะลองหาโทรศัพท์ที่เป็นระบบปฏิบัติการ Android มาลองใช้ในราคาที่ไม่แพงนัก เมื่อเทียบสเป็คกับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่าน่าพอใจ กับราคา 7,900บาท ได้ Android 2.2 ที่เล่นได้ลื่นๆ ไม่หน่วง (แถมสเป็คเท่ากับกับเจ้า Samsung Galaxy Cooper ต่างกันแค่ตรงขนาดหน้าจอกับกล้องและแฟลช) แต่สุดท้ายก็อยู่ที่คุณแล้วละครับว่าเจ้า Gio ตัวนี้จะตอบโจทย์การใช้โทรศัพท์ในชีวิตประจำวันของคุณได้แค่ไหนครับ
มามะ ถึงเวลาเจาะ spec กันแล้ว
1. UMTS HSDPA หรือ 3G บนคลื่น 900/2100
รองรับ 3G ของค่าย AIS, TOT
รองรับ 3G ของค่าย AIS, TOT
2. หน้าจอ TFT Capacitive ขนาด 3.2 นิ้ว
ความละเอียดของจอเป็น HVGA ที่ 480x320 เหมือนของ Cooper ครับ หน้าจอสีสันสวยดี ความละเอียดของจอก็ดีครับ ขนาดของ pixel ค่อนข้างละเอียด ไม่หยาบเหมือน 551 และ Mini
ความละเอียดของจอเป็น HVGA ที่ 480x320 เหมือนของ Cooper ครับ หน้าจอสีสันสวยดี ความละเอียดของจอก็ดีครับ ขนาดของ pixel ค่อนข้างละเอียด ไม่หยาบเหมือน 551 และ Mini
3. CPU Qualcomm MSM 7227 800 Mhz + GPU Adreno 200
CPU ที่อยู่ใน Galaxy Cooper และ Gio คือตัวเดียวกัน Qualcomm MSM7227 ที่โดน Overclock ให้ทำงานที่ความเร็ว 800 Mhz และมี GPU Adreno 200 ผลการทดสอบ Neocore ออกมาค่อนข้างดี เพราะพุ่งไปถึง 45-50 fps กันเลย
CPU ที่อยู่ใน Galaxy Cooper และ Gio คือตัวเดียวกัน Qualcomm MSM7227 ที่โดน Overclock ให้ทำงานที่ความเร็ว 800 Mhz และมี GPU Adreno 200 ผลการทดสอบ Neocore ออกมาค่อนข้างดี เพราะพุ่งไปถึง 45-50 fps กันเลย
4. ROM 512 MB / RAM 284 MB
เปิดเครื่องมาจะเหลือ Internal Memory ให้ลง app ลง game อยู่ที่ประมาณ 170 mb ครับ แต่เนื่องจากตัว OS เป็น froyo ก็สามารถย้ายพวก app ไปลง sd ได้ ส่วน RAM เปิดเครื่องมาเหลือให้ใช้งานประมาณ 140 MB
เปิดเครื่องมาจะเหลือ Internal Memory ให้ลง app ลง game อยู่ที่ประมาณ 170 mb ครับ แต่เนื่องจากตัว OS เป็น froyo ก็สามารถย้ายพวก app ไปลง sd ได้ ส่วน RAM เปิดเครื่องมาเหลือให้ใช้งานประมาณ 140 MB
5. Wireless 802.11 b/g/n + Bluetooth 2.0
สัญญาณ wifi แรงใช้ได้ และเป็น Froyo เลยมี wifi-hotspot สำหรับ share internet ให้กับเครื่องอื่น
สัญญาณ wifi แรงใช้ได้ และเป็น Froyo เลยมี wifi-hotspot สำหรับ share internet ให้กับเครื่องอื่น
6. GPS with AGPS
การทดสอบ GPS โดยยืนในที่โล่งข้างถนน พบว่าสามารถจับสัญญาณได้ 4-5 ดวง ใช้เวลาเปิด GPS และ warmup อยู่ประมาณ 5 นาทีครับ แต่หลังจากจับสัญญาณได้แล้วก็นิ่งดี
การทดสอบ GPS โดยยืนในที่โล่งข้างถนน พบว่าสามารถจับสัญญาณได้ 4-5 ดวง ใช้เวลาเปิด GPS และ warmup อยู่ประมาณ 5 นาทีครับ แต่หลังจากจับสัญญาณได้แล้วก็นิ่งดี
7. FM Radio
วิทยุมาให้ด้วยนะครับ แถมยัง scan สัญญาณแบบทศนิยม 2 ตำแหน่งแบบบ้านเราได้ด้วย แต่ยังไงซะก็ต้องเสียบ small talk อยู่ดี สามารถฟังผ่าน loud speaker ได้ครับ
วิทยุมาให้ด้วยนะครับ แถมยัง scan สัญญาณแบบทศนิยม 2 ตำแหน่งแบบบ้านเราได้ด้วย แต่ยังไงซะก็ต้องเสียบ small talk อยู่ดี สามารถฟังผ่าน loud speaker ได้ครับ
8. ลำโพง และระบบเสียง
เสียงลำโพงดังใช้ได้เลย เพลงไม่อู้อี้ ใสฟังดังสบาย เสียงจากหูฟังออกแนวกลางๆ ใสๆ
เสียงลำโพงดังใช้ได้เลย เพลงไม่อู้อี้ ใสฟังดังสบาย เสียงจากหูฟังออกแนวกลางๆ ใสๆ
9. 3.2 mp autofocus Camera
ตัวกล้องมี autofocus พร้อม mode และ scene ให้เลือกเล่นมากมายเลยครับ ลองดูได้จากใน vdo review คุณภาพของภาพก็พอใช้ได้ สามารถเลือกเปิด macro ในการถ่ายระยะใกล้ได้ด้วย
ตัวกล้องมี autofocus พร้อม mode และ scene ให้เลือกเล่นมากมายเลยครับ ลองดูได้จากใน vdo review คุณภาพของภาพก็พอใช้ได้ สามารถเลือกเปิด macro ในการถ่ายระยะใกล้ได้ด้วย
11. Battery life
แบตขนาด 1350 mAhm ช่วงวันแรกๆ อยู่ได้ 12 - 15 ชั่วโมงโดยประมาณ หลังจากผ่านช่วง test run 3-4 วันแรกมาแล้ว
แบตขนาด 1350 mAhm ช่วงวันแรกๆ อยู่ได้ 12 - 15 ชั่วโมงโดยประมาณ หลังจากผ่านช่วง test run 3-4 วันแรกมาแล้ว
12. Physical
ตัวเครื่องขนาดเล็กพอดีมือ แถมยังเบาอีกต่างหาก เรียกได้ว่าถือสบายๆ ใช้งานมือเดียวได้ง่าย สะดวก วัสดุค่อนข้าง ok เลย
ตัวเครื่องขนาดเล็กพอดีมือ แถมยังเบาอีกต่างหาก เรียกได้ว่าถือสบายๆ ใช้งานมือเดียวได้ง่าย สะดวก วัสดุค่อนข้าง ok เลย
สรุปได้ละ
ข้อดี
- ลื่นๆ ไม่หน่วง
- จอขนาด 3.2 นิ้ว กำลังพอดีมือ
- Multitouch 2 จุดสมบูรณ์
- เล่นเกมได้
- เสียงดัง
- ลื่นๆ ไม่หน่วง
- จอขนาด 3.2 นิ้ว กำลังพอดีมือ
- Multitouch 2 จุดสมบูรณ์
- เล่นเกมได้
- เสียงดัง
ข้อเสีย
- น่าเสียดาย ไม่มี LED Flash สำหรับถ่ายภาพ
- ถ่าย vdo ได้แค่ระดับ QVGA
- น่าเสียดาย ไม่มี LED Flash สำหรับถ่ายภาพ
- ถ่าย vdo ได้แค่ระดับ QVGA
รีวิวเสร็จแล้วจ้า.. มีคำถามก็ใส่มาเลย เดี๋ยวตอบให้
คุณสมบัติที่น่าสนใจ
- รองรับเครือข่าย 3G / HSDPA 7.2 Mbps
- สนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 b/g/n
- ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android
- กล้องถ่ายรูป 3 ล้านพิกเซล พร้อมระบบออโต้โฟกัส
- เครื่องเล่นเพลง, วีดีโอ และ วิทยุ FM
ข้อมูลทั่วไป
- รหัสรุ่น Samsung S5660
- ขนาด 57.5 x 110.5 x 12.15 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 102 กรัม
- ราคา 6,900 บาท (ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด 28 กันยายน 2554)
เครือข่าย และ การเชื่อมต่อ
- เครือข่าย 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz
- เครือข่าย 3G : 900/2100 MHz
- เครือข่ายการรับ-ส่งข้อมูล HSDPA 7.2 Mbps , EDGE , GPRS
- การเชื่อมต่อแบบไร้สาย Wi-Fi 802.11 b/g/n , Bluetooth 2.1
- การเชื่อมต่อโดยใช้สาย Micro-USB (USB 2.0) , ช่องเชื่อมต่อชุดหูฟัง ขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ระบบปฏิบัติการ และ หน่วยประมวลผล
- ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 2.2 Froyo
- หน่วยประมวลผล 800 MHz (MSM7227-1 Turbo)
พื้นที่เก็บข้อมูล
- หน่วยความจำในตัว 150 MB
- การ์ดหน่วยความจำ microSD สูงสุด 32 GB
จอแสดงผล
- จอแสดงผล TFT ระบบสัมผัส
- ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล กว้าง 3.2 นิ้ว
- รูปแบบการแสดงผล TouchWiz
ระบบเซนเซอร์
- ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวตัวเครื่อง (Accelerometer Sensor)
- เปิดและปิดแสงไฟหน้าจอในขณะสนทนา (Proximity Sensor)
- เข็มทิศดิจิตอล (Digital Compass)
เสียงเรียกเข้า
- MP3 , Polyphonic
- ระบบสั่นเตือน
อินเตอร์เน็ต และ ข้อความ
- รองรับบราวเซอร์ Android HTML Webkit
- รับ/ส่ง ข้อความ SMS , MMS , E-mail , Instant Messaging
กล้อง
- ความละเอียด 3 ล้านพิกเซล
- โฟกัสภาพอัตโนมัติ
- โหมดถ่ายภาพมุมกว้าง , โหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง , ตรวจจับรอยยิ้ม
- บันทึกวีดีโอ ความละเอียด 800 x 480 พิกเซล (30 เฟรมต่อวินาที)
ระบบนำทาง
- ระบบนำทาง A-GPS
- รองรับแผนที่ Google Maps , Google Maps Navigation (Beta)
- แอพพลิเคชั่น Latitude, Places
ความบันเทิง
- เครื่องเล่นเพลง รองรับไฟล์ MP3, AAC, AAC+, eAAC+
- เครื่องเล่นวีดีโอ รองรับไฟล์ MP4, 3GP
- เครื่องเล่นวิทยุ ในระบบ FM รองรับ RDS
คุณสมบัติพิเศษ
- รองรับบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Networking Service)
- รองรับแอพพลิเคชั่นจากกูเกิ้ล (Google Mobile Services)
- ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติม (Android market)
- ป้อนข้อความโดยลากผ่านตัวอักษรที่ต้องการพิมพ์ SWYPE keyboards
- โปรแกรมอ่านและแก้ไขงานเอกสาร (ThinkFree Office)
- ปฏิทิน, นาฬิกาปลุก, เครื่องคิดเลข
- สนทนาผ่านลำโพงด้วยระบบ Hands-free
- โหมดปิดสัญญาณโทรศัพท์ (Airplane Mode)
พลังงาน
- แบตเตอรี่ Lithium-Ion 1350 mAh
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น