วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วันแรกของการเปิดบล็อก

วันนี้เป็นวันแรกที่ได้เรียนรู้การทำบล็อกของตนเอง ตื่นเต้นและจะพยายามเรียนรู้ต่อไป

นกกระเรียงตอบแทนบุญคุณ



สุรุโนะ โองไคชิ....
tsuru no unkaisi...นกกระเรียงตอบแทนบุญคุณ

แปลและเรียบเรียงเรื่องราวโดย สุขุมาลย์ 



นานมาแล้วมีชายหนุ่มผู้ยากจนผู้หนึ่ง อาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเดียวดายตัวคนเดียวไม่มีพ่อแม่ และแม้แต่พี่น้องสักคนเดียวอยู่ ณ ที่บ้านกลางเขาแห่งหนึ่ง....ชายหนุ่มผู้นี้มีอาชีพตัดไม้และหาของ ป่า แล้วจะนำลงไปขายที่ในเมืองหาเลี้ยงตัวไปวันๆเรื่อยมา ชายหนุ่มผู้นี้นั้นถึงแม้ว่าเขาจะยากจน หาเช้ากินค่ำก็ตาม แต่เขาก็เป็นคนที่ขยันขันแข็งและเป็นคนดีมีเมตตามากคนหนึ่ง วันหนึ่งซึ่งเป็น กลางฤดูที่หนาวเย็น หิมะตกปกคลุมทั่วไปไม่มีของป่าที่จะหาเก็บและนำไปขายได้นั้นชายหนุ่มจะ ขึ้นมาบนเขาและหาตัดไม้เพื่อเก็บสะสมเอาไว้ วันนี้ก็เหมือนกันเขาขึ้นมาบนเขาและตั้งหน้าตั้งตา ตัดไม้อย่างขมักเขม่น ไม่ได้สนใจว่าจะมีหิมะตกจนท่วมเขาและเดินลำบากลำบนแค่ไหนก็ตาม


เขาหาตัดไม้ไปเรื่อย ๆจนมืดค่ำลงแล้ว จึงเดินลงเขามาเรื่อย ๆเพื่อที่จะกลับที่อยู่อาศัยของตน แล้วกลางทาง ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินกลับที่อยู่ ๆนั้น...ก็มีอะไรบางอย่างเห็นเป็นสีขาว ๆ ลอยละลิ่วล่วงตกลงมา จากท้องฟ้าเบื้องบน ชายหนุ่มพยายามเพ่งมองก็เห็นเป็น นกกระเรียงสีขาว สวยงามมากตัวหนึ่งกำลังนอนดิ้น ทำท่าทางเหมือนกับจะปีกหักอะไรทำนองนั้น และนอนร้องอยู่เหมือนจะเจ็บและทรมานอย่างมาก เจ้านก กระเรียงนอนดิ้นรน ร้องขอความช่วยเหลืออยู่อย่างน่าเวทนา..." ทำไมอยู่ ๆก็บินตกลงมานะ " ชาย หนุ่มรำพึงออกมาด้วยความสงสัย



เขาจึงรีบเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ จึงเห็นว่าที่ปีกของนกกระเรียงตัวนั้นมีลูกธนูอันใหญ่ปักอยู่ " ใครกันนะที่ทำ แบบนี้ได้ น่าสงสารเจ้าเหลือเกิน โถ...คงจะเจ็บมากสินะ " ชายหนุ่มให้นึกสงสาร เจ้านกกระเรียงขาวที่ โชคร้ายตัวนี้ขึ้นมาอย่างจับใจ...เขาเลยเข้าไปอุ้มเจ้านกกระเรียงตัวนั้นอย่างถนุถนอมเพื่อไม่ให้มันตกใจ ไปมากกว่านี้อีก แล้วจึงค่อย ๆดึงลูกธนูที่ติดอยู่ที่ปีกของมันออกให้


พอดึงลูกธนูออกแล้วชายหนุ่มก็จัดการล้างบาดแผลที่มีแต่คราบเลือดนั้นด้วยน้ำกินในกระบอกที่เขาพกติดตัว อยู่ เมื่อล้างแผลเสร็จแล้วเขาก็ฉีกชายเสื้อที่เขาสวมใส่อยู่นั้นมาพันรอยแผลให้...เจ้านกกระเรียงตัวนั้นมัน จ้องมองชายหนุ่มอยู่ตลอดเวลาที่เขาทำแผลให้มันเหมือนกัน เหมือนมันซึ้งในน้ำใจและขอบคุณเขา อย่างที่สุด...เมื่อทำแผลให้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็พูดกับมันว่า " ส่า...อีกสักพักเจ้าก็จะหายเป็น ปกติ...ไป..กลับไปที่ ๆของเจ้าได้แล้ว..แล้วก็ระวังตัวให้ดีอย่าให้ใครเขายิงเจ้าได้อีก รู้ไหม ? "



แล้วเจ้านกกระเรียงขาวตัวนั้นก็กระพือปีก..พรึ่บๆๆๆ...แล้วส่งเสียงอันดังร้องขึ้นเหมือนมันดีใจก่อน ที่จะทยานบินขึ้นสู่ท้องฟ้าโผบินจากตรงนั้นไปอย่างเชื่องช้า จากตรงนั้นไปในทันที....ชายหนุ่มยืนมองนก กระเรียงขาวที่โผบินไปสู่อิสระได้อีกครั้งตัวนั้นอย่างนิ่งนาน เขามองจนเจ้านกกระเรียงขาวตัวนั้นบิน จนหายลับไปจากสายตาของเขาเลยทีเดียว..เขานึก...ว่ามันคงจะดีใจที่ได้รอดชีวิตนะ...แล้วเขาก็ดีใจและ มีความสุขที่ได้ช่วยชีวิตของมันไว้...ขอให้เจ้าจงปลอดภัยเถิด...เขานึกอธิฐานให้มันแล้วเดินกลับที่อยู่อาศัย อันเปล่าเปลี่ยวและเดียวดายของตนไปเหมือนกัน


แล้วจากวันนั้นมาอีกหลายวันเหมือนกันของคืนวันหนึ่ง...มีเสียงเหมือนมีคนมาเคาะประตูกระท่อม ของชายหนุ่มอยู่...." กอ้ง ๆๆๆ" เมื่อชายหนุ่มลุกขึ้นไปเปิดประตูดูก็เห็นว่าได้มีหญิงสาวผู้ที่มีความ งดงามอย่างที่จะหาที่เสมอเหมือนแล้วมิได้นางหนึ่งยืนนิ่งสงบอยู่....ที่ตัวนางนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า และที่เสื้อผ้านั้นมีแต่หิมะปกคลุมเลอะเทอะจนเป็นสีขาวขาวโพลนไปหมดทั้งตัว นี่นางคงจะเดินฝ่า หิมะมาเป็นเวลานานมากอย่างแน่นอน...เขาคิด



ด้วยชายหนุ่มนั้นเป็นคนใจดีมีเมตตาอยู่ เขาจึงนึกสงสารนางที่ต้องยืนอยู่ท่ามกลางความหนาวเย็นแบบ นั้น จึงบอกกับนางว่า " ข้างนอกน่ะหนาวมากนะ ก่อนอื่นถ้านางจะมีธุระอะไรก็เข้ามาข้างใน บ้านก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะไม่สบายไป..เชิญ ๆเข้ามาข้างในก่อนเถอะ..แล้วค่อยพูดถึงธุระของนางนะ " หญิงสาวนางนั้นทำท่าทางเหมือนโล่งใจอะไรบางอย่าง...แล้วนางจึงเอ่ยกับชายหนุ่มเจ้าของบ้านว่า " ข้าเดินหลงทางมาไกลเหลือเกิน ต้องเดินวกไปวนมาด้วยหาทางไม่ถูก คืนนี้ดึกมากแล้วอยากจะ ขอความกรุณาจากท่าน ขอให้ข้าได้ค้างที่นี่สักคืนด้วยเถิด "



ชายหนุ่มนิ่งฟังและพยักหน้ารับคำนางแล้วเขาจึงพานางเข้ามานั่งผิงไฟที่ก่อไว้อยู่ตรงกลางบ้านแล้วบอกกับ นางว่า "เชิญนางนั่งผิงไฟให้ร่างกายอุ่นเสียก่อน...ทำตัวให้สบาย ๆไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก" หญิงสาว ยิ้มรับแล้วลงนั่งพร้อมกับมองไปรอบ ๆ นางเห็นสำรับอาหารที่ชายหนุ่มคงจะเตรียมไว้เพื่อจะกินมื้อนี้ ด้วยชายหนุ่มนั้นตัวคนเดียวและหมู่นี้เขาก็ไม่ได้เข้าไปในเมืองเพื่อหาซื้ออะไร อาหารที่เขาตั้งสำรับวาง ไว้นั้นจึงมีแต่ข้าวกับผักดองอย่างเดียวเท่านั้นเอง....แต่เขาก็ยังเชื้อเชิญให้นางกินอีกด้วย นางจึงบอก กับเขาว่า



" ข้ามีเสบียงอาหารพกติดตัวมาด้วย อนุญาติให้ข้าได้ทำอาหารให้ท่านเพื่อเป็นการตอบแทนด้วยเถิด " แล้วนางก็ล้วงเอาห่อผ้าที่นางพกเสบียงอาหารติดตัวนั้นออกมาและจัดการทำอาหารให้ชายหนุ่มทันที แล้วนาง ยังเล่าเรื่องของนางให้ชายหนุ่มฟังอีกด้วยว่า นางนั้นพ่อแม่ได้ตายลงเสียหมดแล้ว ต้องอยู่ตัวคนเดียว และก่อนตายพ่อของนางได้บอกว่ามีเพื่อนคนรู้จักกันอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ นางจึงดั้นด้นมาที่เมืองที่นาง ไม่เคยมาและรู้จักมาก่อน นางเลยต้องหลงทางแลัวเดินวกไปวนมาจนมาถึงบ้านของเขาอย่างที่เขาเห็น นี่แหละ


แต่ว่าแม้แต่จะเป็นวันรุ่งขึ้นและรุ่งขึ้นมาอีกวันแล้วก็ตาม หิมะก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกให้เลยสักนิดเดียว ยังคงตกหนักอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหยุด...หญิงสาวและชายหนุ่มจึงออกไปไหนไม่ได้...หญิงสาวนางนั้น จึงหันมาปฏิบัติพัดวีชายหนุ่มให้โดยการทำอาหารที่มีเสบียงอยู่เหลือน้อยนิดนั้น แล้วนางยังเย็บปักถักร้อย เก่งเป็นเยี่ยมเลยทีเดียวอีกด้วย...นางขยันไม่ปล่อยเวลาให้ปล่าวประโยชน์เที่ยวตามเก็บเสื้อผ้าเก่า ๆของชาย หนุ่มมาปะและซ่อมให้...นางคงคิดตอบแทนที่ชายหนุ่มให้ที่พักหลบหิมะมาตั้งหลายวันนั่นเอง



แล้ววันนี้หิมะก็หยุดตกลงแล้ว ท้องฟ้าแจ่มใสพระอาทิตย์ได้เวลารีบออกมายื่นหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ว่า หญิงสาวกำลังจะต้องจากไปชายหนุ่มรีบวิ่งตามนางไปและตรงเข้าจับมือนางไว้แล้วพูดบอกนางว่า " ถ้านางยังไม่ตกลงปลงใจที่จะไปอยู่กับใครละก็...ได้โปรดอยู่ที่นี่กับข้าเถิด...ข้าอยากให้นางอยู่ที่นี่ตลอด ไป..นะ...อย่าจากข้าไปเลย " แล้วจึงเป็นด้วยการนี้ทั้งสองเลยตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนับ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา...อย่างมีความสุข

อยู่มาวันหนึ่งหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของชายหนุ่มแล้วนั้นได้ขอร้องให้เขาสร้างห้องเล็ก ๆให้ขึ้นที่ข้าง ๆบ้าน " ข้าอยากจะทอผ้าเพื่อให้ท่านนำไปขายบางทีเราอาจโชคดีขายได้เงินมาซื้ออาหารดี ๆไว้กินบ้าง " ชายหนุ่ม จึงรีบทำตามที่นางขอร้องคือสร้างห้องเล็ก ๆขึ้นให้นางห้องหนึ่ง....เมื่อสร้างห้องที่นางต้องการเสร็จแล้ว วันนี้นางจะเข้าไปทอผ้าชายหนุ่มรีบไปหาเศษไหมมาให้นางแต่ก่อนที่นางจะเข้าห้องไปนั้นนางได้ หันมาสั่งกับชายหนุ่มอย่างเอาจริงเอาจังว่า...
สุรุโนะ โองไคชิ....(2)
tsuru no unkaisi...นกกระเรียงตอบแทนบุญคุณ

            
แปลและเรียบเรียงเรื่องราวโดย สุขุมาลย์
                                            

    
"...มีข้อแม้ว่า ในขณะที่ข้า ทอผ้าอยู่...ท่านจะต้องสัญญาว่า..จะไม่เปิดประตู เข้าไปดูข้างใน อย่างเด็จขาด..." หญิงสาวคาดคั้น ชายหนุ่มให้สัญญา แล้วก็เดินเข้าห้อง ปิดประตู เงียบหายไปสักพัก ก็มีเสียงของกี่ทอผ้า..ดัง..กะตั้ง...ปัตตั้ง...กะตั้ง..ปัดตั้ง...ก้องเป็นระยะออกมาจากห้อง เสียงกี่ทอผ้า จะดัง อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เช้าจนเย็น เสียงจะดัง.ก้องเป็นจังหวะ สม่ำเสมอ...กะตั้ง..ปัตตั้ง..กะตั้ง..ปัตตั้ง...กะตั้ง... ปัตตั้ง......อยู่อย่างนั้น วันแล้ววันเล่า




  และแล้วสามวันต่อมา....เสียงกี่ทอผ้าก็เงียบลง..หญิงสาวเปิดประตูเดินออกมา ในมือถือผ้าที่ทอเสร็จแล้ว.. ท่าทางนางดูจะเหมือนอ่อนเพลียมาก ชายหนุ่มจึงทักนางว่า"..เจ้าคงเหนื่อยมาก.." หญิงสาวสั่นหน้าแล้วยิ้มให้กับชายหนุ่มผู้เป็นสามี "..เอาผ้านี่ไปขายในเมือง นะ ข้าคิดว่าคงจะขายได้ราคางามสมใจเจ้า.." ชายหนุ่มมองผ้าที่นางส่งให้ มันสวยงามมาก สวยอย่างชนิดที่ไม่มีที่ติตรงไหนเลย ชายหนุ่มตะลึงตะลานกับความสวยงามของผ้าผืนนั้นปากก็พร่ำบอกขอบคุณนางอยู่ตลอดเวลา .. แล้วชายหนุ่มจึงรีบออกเดินทางไปขายผ้าผืนนั้นในเมืองทันที



   เมื่อชายหนุ่มเดินทางมาถึงในเมืองแล้ว..ก็รีบนำผ้าผืนนั้นออกมาวาง เพื่อเตรียมที่จะขาย..มีผู้คนมากมายเข้ามารุมดูผ้าผืนนั้น  ชายหนุ่มจึงร้องบอกขายผ้าผืนนั้นทันที  " ผ้าที่ทอขึ้นอย่างประณีตสวยงาม...มีใครต้องการบ้าง " แล้วก็เป็นการบังเอิญ อย่างที่สุดเพราะวันนั้น เป็นวันที่ มีญาติของโตโน่ท่านหนึ่งเดินทางผ่านมาทางนั้นเข้าพอดี... และก็เป็นการบังเอิญหรือจะเรียกว่าโชคดีอย่างที่สุดของชายหนุ่มก็เป็นได้..เมื่อญาติของโตโน่ท่านนั้นมองไปเห็นผ้าผืนนั้นเข้า..ก็ให้เป็นถูกอกถูกใจในความสวยงามของผ้าอย่างสุดที่จะระงับ " ตั้งแต่ข้าเกิดมา ยังไม่เคยเห็นผ้าผืนไหนสวยงามถูกใจอย่างนี้มาก่อนเลย" ว่าแล้วเขา..ก็ควักเงินให้กับชายหนุ่มมากมาย เพื่อซื้อผ้า ผืนนั้น.. และก่อนจากไปเขายังหันมาพูดกับชายหนุ่มว่า "ถ้าท่านมีผ้าแบบนี้อีก เอามาขายให้ข้านะอย่าลืม ข้าจะสมนาคุณและให้เงินมากกว่าที่ให้วันนี้อีกเท่าหนึ่ง.. จำไว้นะ มีเมื่อไหร่ เอามาขายให้ข้าอีก"



   ชายหนุ่มให้เป็นแสนจะดีใจ ที่ได้เงินมามากอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนเช่นนั้น จึงรีบเอาเงินที่ได้รับนั้นไปซื้อ สะเบียงอาหาร และของฝากมากมายกลับมาบ้าน...เมื่อมาถึงบ้านชายหนุ่มก็รีบเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองและไม่ลืมเล่าเรื่องที่ตนโชคดี ได้พบกับญาติของโตโน่เข้าอย่างบังเอิญ...และได้ขายผ้าผืนนั้นไปได้เงินมากมาย ...ชายหนุ่มเห็นว่าผ้านั้นขายได้ราคาดีจริง ๆก็เกิดความโลภ และกล่าวขอร้องกับนางว่า "....ญาติของโตโน่ท่านนั้นท่านถูกใจผ้าที่เจ้าทอมาก....อยากได้อีกเจ้าช่วยทอให้ท่านอีกสักผืน สิ".....หญิงสาวทนคำอ้อนวอนของสามี ไม่ได้ ก็จำใจเดินระทวย เข้าไปทอผ้าให้ ตามคำขอร้องของสามีสุดที่รักอีกครั้ง และนางก็ยังหันมาคาดคั้นสั่งกับชายหนุ่มเหมือนกับกลัวเขาลืมอีกว่า " ท่านอย่าลืมสัญญานะว่า..จะไม่เปิดประตูเข้าไปดูข้างใน อย่างเด็จขาด..."



   แล้วเสียงกี่ทอผ้าก็ดัง ...กะตั้ง..ปัตตั้ง...กะตั้ง..ปัตตั้ง ดังขึ้นมาอีกวาระ....จากนั้น อีกสามวันต่อมา พอเสียงกี่กระตุกเงียบลงประตูก็ค่อยๆแง้มเปิดออก หญิงสาวดูร่างกายผอมทรุดโทรมลงไปจนแปลกตา นางเดินระทวย ถือผ้าที่ทอเสร็จออกมามอบให้กับชายหนุ่ม แต่ด้วยความดีใจที่เห็นผ้าและคิดถึงแต่รางวัลที่จะได้รับอย่างเดียวนั้นชายหนุ่มจึงมิได้ เห็นความทรุดโทรมจนผิดสังเกตของหญิงสาวผู้เป็นภรรยา เขารีบตาลีตาเลือก ฉวยผ้าจากนางแล้วรีบออกเดินทางไปขายผ้าทันที  ญาติของโตโน่เห็นชายหนุ่ม ดั้นด้นเอาผ้ามาให้ ก็ดีอกดีใจเป็นอย่างมากพร่ำพูดชมแต่ความสวยงาม ของผ้าไม่ขาดปาก..."ทำไมมันถึงได้ สวยงามจนไม่มีที่ติทุกผืนแบบนี้ จะหาที่เปรียบเสมือนไม่มีอีกแล้ว"... และได้สมนาคุณ มอบเงินให้ชายหนุ่มมากกว่าคราวที่แล้วหลายเท่าตัวเมื่อชายหนุ่มได้เงินแล้ว และกำลังจะลากลับญาติของโตโน่ก็พูดขึ้นอีกว่า"..ถ้าท่านยังมีทางที่จะหาผ้าอย่างนี้มาได้อีก ก็นึกถึงข้านะ ข้าจะรับซื้อเองทั้งหมด หามาให้ข้าอีก สิ...." ชายหนุ่มยิ่งคิดโลภ เขาจึงรับปาก ออกไปว่า"..แล้วข้าจะรีบหาผ้าผืนไหม่ มาให้ท่าน..."ว่าแล้วก็อำลากลับเขาเดินนึกมาตลอดทางว่า...ถ้าขายได้ราคาดีอย่างนี้เรื่อยไปเขาจะต้องสุขสบายและรวยขึ้นมาอย่างแน่นอน



   ชายหนุ่มขนเงินมากมายกลับมาบ้าน แต่เพราะความคิดโลภ ได้มามากแล้วก็อยากที่จะได้มากขึ้นไปอีก เขาจึงอ้อนวอนหญิงสาวอีกว่า"..ได้โปรดเถิด ขอข้าอีกครั้งเดียว ข้าให้สัญญากับญาติของโตโน่ไปแล้ว ว่าจะเอาผ้าไปให้ ข้าขอเป็นครั้งสุดท้าย แล้วข้าจะไม่ขอให้เจ้าทอผ้าให้อีกต่อไป.." หญิงสาว นั้นนางร่างกายทรุดโทรมลงมากจากการทอผ้าผืนที่สอง แต่นางก็ทนการขอร้องของสามีมิได้ นางนั่งคิด และสุดท้ายก็เอ่ยกับชายหนุ่มผู้เป็นสามีว่า "...ข้าจะขึ้นกี่ ถักผ้าให้กับท่านอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย แต่ท่านจะต้องตรงต่อคำสัญญาเหมือนกับทุกๆครั้งนะ คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่เปิดประตูและเข้าไปดู ในขณะที่ข้าทอผ้าอยู่ เป็นอันขาด.." กล่าวแล้ว หญิงสาวก็เดินอย่างคนหมดแรง หายเข้าไปในห้อง  



   เสียง..กะตั้ง..ปัตตั้ง...กะตั้ง..ปัตตั้ง...ก็เริ่มดังขึ้นเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ เสียงกี่กระตุก ดังอย่าง อ่อนแรง เหมือนเศร้าโศรกไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ได้ยิน ชายหนุ่มให้นึกเป็นห่วง และก็เริ่มคิดสงสัย ว่าทำไมนางจึง คอยห้ามไม่ให้เปิดประตูและดูนะ...และเมื่อ ความสงสัยบังเกิดขึ้น และพร้อมกับความเป็นห่วงหญิงสาวผู้เป็นภรรยาก็บังเกิดขึ้นมาอีกด้วย  เขานั่งฟังเสียกี่กระตุกที่ดังเศร้าศร้อยเหมือนระทมทุกข์นั้นอย่างทุรนทุราย...แล้วเขาก็มาได้คิดขึ้นได้ว่า...เขาก็ได้เงินมามากแล้ว...และก็มีเงินมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากมาย...แล้วทำไมเข้าจึงจะคิดโลภอีกเล่า...แล้วอยู่ ๆเขาก็เกิดสังหรห์ใจอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล  แล้วทันทีนั้นเขาก็วิ่งไปที่ห้องที่นางอยู่นั้น...เขาตรงเข้าทุบประตูและตะโกนบอกกับนางว่า " พอเถอะ...พอแล้ว..ไม่ต้องถักผ้าแล้ว...ได้โปรดเถิด "  แต่เสียงกี่กระตุกที่ดังอยู่ไม่ยอมหยุดนั้น...คงดังกลบเสียงของเขาเสียจนหมด



   ไม่มีเสียงของหญิงสาวตอบรับออกมาเลย  ยังคงมีแต่เสียงกี่นั้นกระตุกดัง..ปะตัง...ปะตัง...อยู่อย่างเดิมอย่างเดียว...ความรู้สึกเป็นห่วงนั้นทวีมากขึ้น ๆจนเขาสุดที่จะระงับใจไว้ได้ และลืมสัญญาที่ ให้ไว้กับหญิงสาวเสียสนิท ชายหนุ่มค่อยๆแง้มเปิดประตูออกและ เข้าไปข้างใน แล้วชายหนุ่ม ก็ต้องชะงัก ตกใจสุดขีดกับภาพที่เขาได้เห็น...เพราะข้างในห้องนั้นไม่มีหญิงสาว มีแต่นกกระเรียงสีขาวตัวหนึ่ง ร่างกายผอมมาก และขนตามปีกตามตัวแทบจะไม่มีตัวหนึ่ง กำลังนั่งกระชากกี่กระตุกไป และดึงขนจากปีกของตัวเองปักแซมเข้าไปกับตัวผ้าที่อยู่ในกี่นั้นอย่างขมักเขม่น...เขาถึงกับพูดขึ้นด้วยความตกใจว่า " โอ้..นก...นกกระเรียง "



เมื่อเสียงตกใจของชายหนุ่มดังขึ้น...เสียงกี่กระตุกก็หยุดลงอย่างกระทันหัน...นกกระเรียงสีขาวตัวนั้นก็ค่อย ๆกลับร่างขึ้นกลับมาเป็นหญิงสาวทันที...นางลุกขึ้นเดินเข้ามาหาชายหนุ่มผู้สามี และร้องให้ คร่ำครวญสะอึก สะอื่นปานจะขาดใจบอกกับเขาว่า "..ฮื่อ ๆๆ..ข้าคือนกกระเรียงตัวที่โดนลูกธนูยิงและตกลงมาเอง  ข้าได้ท่านช่วยเหลือไว้ ฮื่อๆๆ...จึงไม่ต้องตายไปครั้งนั้น..ข้าจึงอยากจะตอบแทนพระคุณของท่านที่เมตตาช่วยเหลือ..จึงแปลงร่างมา...เพราะอยากจะรับใช้เพื่อตอบแทนบุญคุณของท่าน.."




   และนางยังบอกเขาทั้งน้ำตาอีกว่า " แต่เมื่อท่านได้ เห็นร่างที่แท้จริงของข้าแล้ว...ฮื่อๆๆ..ข้าก็ไม่สามารถที่จะอยู่กับท่านต่อไปได้อีก ..ข้าจะต้องจากไปเพราะมันเป็นกฏข้อห้ามที่สำคัญ..."  ชายหนุ่มรีบบอกและอ้อนวอนนางว่า " อภัยให้ข้าเถิด..ข้าผิดไปแล้วและอย่าจากข้าไปไหนเลย..นางจะเป็นอย่างไรก็ได้..แต่อย่าจากข้าไปเลย.." แต่นางก็ได้แต่สั่นหน้าและก้มหน้าลงต่ำอย่างเศร้าหมองร้องให้อยู่อย่างนั้น



    " ขอให้ท่านจงมีแต่ความสุข  ข้าจำต้องขอลา ลาก่อน...ฮื่อๆๆ " เมื่อนางพูดลาชายหนุ่มจบแล้วหญิงสาวก็เดินออกไป พอร่างของนางออกมาพ้นประตู ก็ค่อยๆ กลับร่างเป็นนกกระเรียง สีขาวอีกครั้งแล้วทยาน บินขึ้นสู่ท้องฟ้า บินสูงขึ้น สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มนั้นก็รีบวิ่งตามนางออกมา แล้วชายหนุ่มเห็นนกกระเรียงตัวนั้นกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า เขาตะโกนจนสุดเสียงว่า "...ข้าไม่ดีเอง ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดอย่าจาก ข้าไปเลย.." แต่ไม่ว่าชายหนุ่มจะร่ำให้ คร่ำครวญ และตะโกนร้องเรียกอย่างไร นกกระเรียงขาวตัวนั้น ก็ไม่มีท่าทีที่จะหันกลับมามองชายหนุ่มผู้เป็นสามีอีกเลย... ยังคงบิน สูงขึ้นๆ และกระพือปีก เป็นครั้งสุดท้าย เหมือนจะกล่าวลาเขา...และลาจากการเป็นมนุษย์....แล้วบินหายลับ..... ไปจากท้องฟ้า ในที่สุด........ 

END

แปลและเรียบเรียงโดย สุขุมาลย์

*คำว่านกกระเรียงหรือนกกระเรียนนี่ จขกท.ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใช้ตัวไหนสะกดกันแน่ เมื่อค้นจากกูเกิ้ล ก็เจอแต่คำว่านกกระเรียน แต่เครดิตผู้แปลใช้ง.งู สะกด ดังนั้นจึงคงไว้ซึ่งต้นฉบับเดิม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น