นางเอกในดวงใจ หลินชิงเสีย
ชื่อ : หลินชิงเสีย (林青霞) ชื่ออังกฤษ : บริจิต (Brigitte) เกิด : 3 พฤศจิกายน 1954 ราศี : พิจิก อายุ : 55 ปี สถานที่เกิด : ไต้หวัน ครอบครัว : เป็นลูกคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้อง 3 คน สูง : 165 ซ.ม. น้ำหนัก : 50 ก.ก. กรุ๊ปเลือด : โอ การศึกษา : Taiwan Chingling Girls' Secondry School, Tanjiang General Education College สถานภาพ : แต่งงานแล้วกับนักธุรกิจชาวฮ่องกง ปัจจุบันมีลูกด้วยกัน 2 คน เรื่องที่ยากจะลืม : ผลงานชิ้นแรกถูกห้ามฉาย สถานที่น่าเบื่อ : สถานีโทรทัศน์ กีฬาที่ชอบที่สุด : ว่ายน้ำ สีที่ชอบที่สุด : ส้ม นักร้องที่ชื่นชอบที่สุด : บาร์บาร่า สไตน์แซนด์ จุดเด่น : อดทน แรงเยอะ ภาพยนตร์ที่ชื่นชอบที่สุด : เดชคัมภีร์เทวดา ภาค ตงฟางปู้ป้าย |
ยุคทองของหลินชิงเสีย
ภาพยนตร์แนวรักโรแมนติคที่เธอเล่นกะฉินฮั่นคู่ขวัญของเธอ
โด่งดังมากๆๆ จนมีฉายาว่า2ฉิน2หลิน(อีกคู่คือฉินเสียงหลิน-หลิีนฟ่งเจียว)
หลินชิงเสียเป็นชาวไต้หวัน เริ่มเข้าวงการโดยมาแมวมองไปพบเธอ
ขณะเดินเล่นที่ย่านซีเหมินติง(เหมือนสยามบ้านเรา)
(รูปนี้คล้ายกะจางป๋ิอจือจัง)
หลังจากหลินชิงเสียงแสดงหนังที่ไต้หวันจนมีชื่อเสียงแล้ว
เธอจึงเบนมายังตลาดหนังของฮ่องกง
ช่วงที่เธอโด่งดังจากพระเอกฉินฮั่นคู่ขวัญของเธอ
ก็กลายเป็นความรักนอกจอแต่ความรักนี้เป็นความรักที่ผิด
เพราะฝ่ายชายมีภรรยาอยู่แล้ว ทำให้ทั้ง2รักกันแบบแอบแฝง
ถึงเป็นความรักแบบแอบแฝงแต่พอมาถึงปีที่7ฝ่ายชายก็ยังไม่หย่ากับภรรยาเดิม
ทำเอาหลินซิงเสียเฮิร์ทจัด(สมควรอยู่น่ะ)เธอจึงหนีไปเมืองนอก
ซึงในช่วงนี้ชีวิตรักเธอมีผู้ชายอีกคนเข้ามาคือฉินเสียงหลินพระเอกดังอีกคน
จนกลายเป็นรัก3เส้า หลินซิงเสียลืมฉินฮั่นไม่ลง ฉินเสียงหลินก็ตื้อไม่เลิก
ถึงขนาดที่เธอใจอ่อนหมั้นกับฉินเสียงหลิน
แต่เธอหมั้นไปได้4ปีก็ถอนหมั้นกับฉินเสียงหลินเพราะเธอยังลืมฉินฮั่นไม่ได้
เรียกว่าเป็นรักปักใจอ่ะน่ะ
สุดท้ายหลินซิงเสียจึงหวนกลับไปไต้หวัน และฉินฮั่นก็หย่ากับภรรยาเดิม
หลินซิงเสียย้ายไปอยู่กับฉินฮั่นตามที่ใจเรียกร้อง แต่พอผ่านไป1ปี
ปี1994หลินซิงเสียได้จัดงานแต่งงาน แต่เจ้าบ่าวของเธอกลับไม่ใช้ฉินฮั่น
แต่เป็นมหาเศรษฐีชาวฮ่องกงหลีฮั่วหยวน(เป็นตัวแทนจำหนายESPRITที่ฮ่องกง)
เป็นการปิดฉากรักยาวนาน(และยืดเยื้อ)ถึง18ปีของเธอและฉินฮั่น(นานจริงๆ)
(2สุดยอดนักแสดงหญิงกงลี่-หลินซิงเสีย)
พูดถึงผลงานหนังของหลินซิงเสียบ้างอย่างที่บอกหนุไม่ทันยุคทองของเธอ
เลยได้ดูหนังช่วงหลังของเธอช่วงปี90
หนังยุค80ที่คนไทยน่าจะรุ้จักก็อย่าง(รูปข้างบน)ความฝันในหอแดง
เรืองนี้เธอเล่นเป็นพระเอก แต่งตัวเป็นผู้ชายน่ะค่ะ
ปี80ยังมีหนังอีกเยอะเช่นศึกเขาซูซัน นางพญางูขาว วิ่งสู้ฟัด1 เป็นต้น
ถึงช่วง90 เริ่มได้ดูหนังเธอบ้าง เรื่องนี้เลยที่เรารู้จักเธอ
เดชคัมภีร์เทวดา(กระบี่เย้ยยุทธจักร)
กับบทบูรพาไม่แพ้-ตงฟางปุ้ป้าย
บทเลี่ยนงี้เชี่ยนนางพญาผมขาวทั้ง2ภาค
หรือบทสาวผมทองในหนังของผู้กับกับสุดเหงาหว่องคาร์ไว
ในหนังอารมณ์เหงาChungking Expresss
หนังของหว่องคาร์ไวอีกเรื่องAshes of time
ใครสนใจหนังที่เธอเล่นลองหาจากวิกิพีเดียเอาน่ะค่ะ
หลังจากทีแต่งงานไปแล้วหลินซิงเสียมีผลงานในวงการน้อยลง
เพราะเธอมีลูกสาวคนแรกพอหลังจากมีลุกคนที่2ในปี2001
เธอก็ไม่ได้มีผลงานในวงการ หันไปเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกสาวทั้ง2
แต่หลินซิงเสียยังคงปรากฏตัวอยู่เนืองๆๆน่ะค่ะ
หลินซิงเสียเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆๆน่ะค่ะไม่ว่าจะผ่านมากี่10ปี
เธอยังดูสวยไม่เปลี่ยน ดูสวยตามสมตามวัยของเธอสาวๆลองทายดูว่าเํธออายุเท่าไรแล้วตอนนี้
(2สุดยอดนักแสดงหญิงกงลี่-หลินซิงเสีย)
พูดถึงผลงานหนังของหลินซิงเสียบ้างอย่างที่บอกหนุไม่ทันยุคทองของเธอ
เลยได้ดูหนังช่วงหลังของเธอช่วงปี90
หนังยุค80ที่คนไทยน่าจะรุ้จักก็อย่าง(รูปข้างบน)ความฝันในหอแดง
เรืองนี้เธอเล่นเป็นพระเอก แต่งตัวเป็นผู้ชายน่ะค่ะ
ปี80ยังมีหนังอีกเยอะเช่นศึกเขาซูซัน นางพญางูขาว วิ่งสู้ฟัด1 เป็นต้น
ถึงช่วง90 เริ่มได้ดูหนังเธอบ้าง เรื่องนี้เลยที่เรารู้จักเธอ
เดชคัมภีร์เทวดา(กระบี่เย้ยยุทธจักร)
กับบทบูรพาไม่แพ้-ตงฟางปุ้ป้าย
บทเลี่ยนงี้เชี่ยนนางพญาผมขาวทั้ง2ภาค
หรือบทสาวผมทองในหนังของผู้กับกับสุดเหงาหว่องคาร์ไว
ในหนังอารมณ์เหงาChungking Expresss
หนังของหว่องคาร์ไวอีกเรื่องAshes of time
ใครสนใจหนังที่เธอเล่นลองหาจากวิกิพีเดียเอาน่ะค่ะ
หลังจากทีแต่งงานไปแล้วหลินซิงเสียมีผลงานในวงการน้อยลง
เพราะเธอมีลูกสาวคนแรกพอหลังจากมีลุกคนที่2ในปี2001
เธอก็ไม่ได้มีผลงานในวงการ หันไปเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกสาวทั้ง2
แต่หลินซิงเสียยังคงปรากฏตัวอยู่เนืองๆๆน่ะค่ะ
หลินซิงเสียเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆๆน่ะค่ะไม่ว่าจะผ่านมากี่10ปี
เธอยังดูสวยไม่เปลี่ยน ดูสวยตามสมตามวัยของเธอสาวๆลองทายดูว่าเํธออายุเท่าไรแล้วตอนนี้
|
50 ปีแห่งความสวยของเธอ - บูรพาไม่แ้พ้
ช่วงปี70เป็นดาราขายดีเรียกว่าเป็นยุคทองของหลินชิงเสีย
เป็นที่น่าสังเกตุว่าหนังไต้หวันในยุคนั้น เน้นพลอตเรื่องเป็นแบบเมโลดราม่า คือโศกนาฏกรรมความรักเป็นหลัก ความรักที่มีอุปสรรค เริ่มเรื่องทุกอย่างสวยงาม หวานชื่น ด้วยความฝัน
หลินชิงเสียเป็นชาวไต้หวัน เริ่มเข้าวงการโดยมาแมวมองไปพบเธอ
ขณะเดินเล่นที่ย่านซีเหมินติง(เหมือนสยามบ้านเรา)
ขณะเดินเล่นที่ย่านซีเหมินติง(เหมือนสยามบ้านเรา)
หลังจากหลินชิงเสียงแสดงหนังที่ไต้หวันจนมีชื่อเสียงแล้ว
เธอจึงเบนมายังตลาดหนังของฮ่องกง
เธอจึงเบนมายังตลาดหนังของฮ่องกง
ในจังหวะเดียวกันนั้น ฉินเสียงหลิน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่ง ใน 4 ดารายอดนิยมในยุค 2 ฉิน 2 หลิน (ฉินฮั่น ฉินเสียงหลิน-หลินชิงเสีย หลินฟ่งเจียว ) ซึ่งแอบรักหลินชิงเสียมานานก็เปิดใจกับเธอและบินไปหมั้นกับเธอ
แต่ท้ายสุด หลินชิงเสียนั้นไม่สามารถหักใจลืมรักแรกนั้นได้ เธอจึงถอนหมั้นกับฉินเสียงหลินด้วยความเด็ดเดี่ยว การแต่งงานสำหรับเขาและเธอจึงไม่ได้มีขึ้นและปิดฉากลงแค่เพียงในภาพยนตร์เท่านั้น
ชีวิตรักของหลินชิงเสียและฉินฮั่น ยิ่งนานวันก็ยิ่งเป็นเสมือนหนังที่พวกเขาร่วมสวมบทบาทในการแสดง เมื่อความสัมพันธ์ทางใจนั้นถูกเปิดเผย และกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ (พระเอกฉินฮั่นมีภรรยาแล้ว) ในทศวรรษที่ 1 ของการครองความนิยม (1983) ทั้งสองจึงต้องแยกตัวจากกัน หลินชิงเสียนั้นปลีกตัวไปใช้ชีวิตในอเมริกาเป็นเวลาร่วม 2 ปี
2 ปีกับการอยู่เพียงลำพังในต่างประเทศ ได้เปลี่ยนหลินชิงเสียที่อ่อนหวาน อ่อนแอ และเก็บความรู้สึกเช่นเดียวกับภาพลักษณ์ในบทหนังที่เธอแสดงไปสู่หลินชิงเสียคนใหม่ ที่มีความชัดเจน และเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
มาดนักฆ่า...ในผู้หญิงผมทอง ของหวังเจียเว่ย ผู้กำกับหนังแห่งอาเซียน
ฉีเคอะ คือเพื่อนสนิทอีกคนของเธอที่เขาชอบใช้หลินชิงเสียในหนังของเขา และทดลองให้เธอแสดงหนังด้วยคาแร็กเตอร์หลากหลาย ที่ติดตรึงใจและนับเป็นการปูพื้นภาพลักษณ์ของเธอสู่การเป็น บูรพาไม่แพ้ ในอีก 5-6 ปีต่อมา นั่นคือภาพลักษณ์และบทบาทของหลินชิงเสียที่มีลักษณะกึ่งหญิงกึ่งชาย กึ่งธรรมะ-กึ่งอธรรมใน เผ็ด สวย ดุ (The peking Opera )
การร่วมงานกับฉีเคอะในปลายทศวรรษที่ 2 ของการเข้าวงการ ในตอนปลายของปี 80 ทำให้หลินชิงเสียคือดาราไต้หวันเพียงไม่กี่คนที่สามารถข้ามเกาะมาสร้างชื่อเสียงเป้นที่ยอมรับในฮ่องกง เริ่มจาก Zu Wirrior ต่อเนื่องด้วย Pekking opera เผ็ด สวย ดุ ช่วยขยายฐานความนิยมในฮ่องกงให้เธออย่างท่วมท้น
และเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่าง หลินชิงเสีย และ จงฉู่หง แห่งดอกไม้กับนายกระจอก ทั้งสองคนเล่นหนังด้วยกันอย่างน่าประทับใจ 10 ปีหลังจากนั้นเมื่อหลินชิงเสียกำลังโด่งดังสุดโต่งกับบท บูรพาไม่แพ้ เธอได้พบจงฉู่หงอีกครั้งและทาบทามให้กลับวงการ แต่ดูเหมือน จงฉู่หง จะติดใจความเป็นศรีภรรยามากกว่า แฟนๆ จึงไม่มีโอกาสได้ชมบทบาทของเธออีกเลย
Red Dust คือภาพยนตร์เนื้อหาดีอีกเรื่องที่หลินชิงเสียได้รับรางวัลม้าทองคำ กับบทบาทที่ยอดเยี่ยม เธอสวมบทนักประพันธ์หญิงในช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปักกิ่งซึ่งมีสามีคือ ฉินฮั่น และมีเพื่อนสนิทคือจางม่านอวี้ เมื่อไฟสงครามประทุจนถึงจุดแตกหักพวกเขาจึงตัดสินใจแอบหนีขึ้นรถไฟเพื่อไปสู่ฮ่องกง บังเอิญที่หลินชิงเสียและฉินฮั่นมีตั๋วรถไฟเพียงใบเดียว โดยที่สามีไม่รู้ว่าหลินชิงเสียได้มอบตั๋วรถไฟใบนั้นให้ฉินฮั่น ในช่วงจราจล เมื่อทุกอย่างสงบลง ฉินฮั่นกลับมาเพื่อตามหาหลินชิงเสียที่พลัดพรากกันกว่า 10 ปี เพื่อที่จะพบเพียงสถานที่แห่งความทรงจำ แต่ก็ไม่มีคนรักในความทรงจำ
ภาพจากซูซัน โดยฉีเคอะในปี 1983
เธอสวยยิ่งกว่า จางป๋อจือ อีกครับ
ในปี 1990 ฉีเคอะดัดแปลงนวนิยายลือชื่อ... "กระบี่เย้ยยุทธจักร" ของกิมย้งลงเป็นแผ่นฟิล์ม และตัดสินใจสร้างภาคต่อทันที ในชื่อ เดชคัมภีร์เทวดา 2 โดยเน้นบทบาทหลักระหว่างความสัมพันธ์ของ เหล็งฮู้ชง และ ตงฟางปุป้าย ซึ่งสวมบมโดย หลี่เหลียนเจี๋ย และหลินชิงเสีย ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่กว่าภาคแรกได้ปลุกหลินชิงเสียให้กลับมาผงาดขึ้นสู่ความเป็นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งในวัย 40 กะรัต อีกครั้ง จนถึงกับมีผู้คร่ำหวอดในวงการออกปากวิจารณ์ว่า...
"ชะตาชีวิตของหลินชิงเสียนั้นแปลก ทุกครั้งที่ถึงจุดเปลี่ยนของยุคหนัง และดูเหมือนดวงเธอกำลังจะซบเซาลงด้วยกระแสที่เปลี่ยนแปลง เธอมักจะได้โอกาสในการเปลี่ยนน้ำใหม่และสร้างชื่อเสียงกลับมาได้เสมอ เหมือนแมวเก้าชีวิต"
...อย่างในต้นปี 80 ก็ได้แสดง Zu warrior ซึ่งทำให้เธอโด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง ในต้นปี 90 ก็เหมือนกัน เธอกลับได้แสดงใน Swordman 2 ...ทั้งเธอและฉีเคอะดูจะเกิดมาเพื่อส่งเสริมกันเป็นแน่แท้
เพียงชั่วข้ามคืน ชื่อเสียง และเงินทอง ก็เข้ามาหาเธออีกครั้ง และดูจะยิ่งใหญ่กว่ายุคเจิดจรัสเมื่อแรกเข้าวงการอีกหลายขุม
ยิ่งไปกว่านั้น หนังเรื่องนี้ยังดังตั้งแต่ยังไม่ได้ลงโรงฉายด้วยซ้ำ เพราะเกือบเป็นเหตุให้หลินชิงเสียต้องจบชีวิตใต้ทะเล ขณะถ่ายทำฉากหนึ่งซึ่งเธอจะต้องค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากทะเลขณะฝึกวิชา ในการถ่ายทำ หลินชิงเสียซึ่งต้องสวมวิกยาวจะถูกปล่อยลงในทะเลในตำแหน่งที่กำหนด แล้วเธอจะดำน้ำเพื่อขึ้นไปอยุ่บนพานลูกรอกเลื่อนขึ้นเหนือผิวน้ำ บังเอิญว่าขณะที่ลูกรอกกำลังเลื่อนขึ้นนั้น วิกผมได้เข้าไปพันกับลูกรอกและดึงเธอไว้ใต้ทะเลเป็นเวนานจนผิดสังเกตุ ท่ามกลางความตกใจ หลินชิงเสียก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาเหนือผิวน้ำอย่างอ่อนแรง ทางทีมงานจึงกุลีกุจอเข้าช่วยนำส่งโรงพยาบาล
จากคำบอกเล่าของเธอ ในนาทีที่วิกผมติดกับสายพานเธอพยายามดึงวิกผมออกเพื่อจะว่ายขึ้นเหนือนน้ำ แต่บังเอิญว่าสายพานได้กินเนื้อผมในวิกและบางว่วนของผมจริงเข้าไปด้วย ในนาทีวิกฤตินั้น หลินชิงเสียกัดฟันกระชากผมจริงจนหลุดเป็นอิสระด้วยความเจ็บปวด
หลักจากพักฟื้นเพียงค่ำตืนเดียว เธอก็ตัดสินใจเข้าฉากในวันรุ่งขึ้นด้วยสปิริตนักแสดง เพราะไม่อยากให้ทีมงานต้องถอนการเซ็ตและมาถ่ายทำใหม่
หลังการถ่ายทำลุล่วงไปด้วยความพอใจ เฉินเสี่ยวตง ผู้กำกับคิวบู๊ ยกย่องในสปิริตการแสดงของหลินชิงเสียอย่างชื่นชม
หลังจากนั้นร่วมปี ฉีเคอะก็รังสรรค์ "เดชคัมภีร์เทวดา 3 ...หมื่นปีมีข้าคนเดียว"และต้องรักข้าคนเดียว ครั้งนี้เขาได้นำ หวังจู่เสียนมาประกบกับหลินชิงเสียอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งคู่เคยร่วมงานกันใน Web of Dicipline ซ้ำยังให้ทั้งสองแสดงบทโรแมนซ์ร่วมกันอีกด้วย
หวังจู่เสียน ก็เป็นอีกคนที่กล่าวชื่นชมหลินชิงเสียในความสวย ที่เคยเป็นขวัญใจเธอในวัยเด็ก
ส่วนหลินชิงเสียนั้นก็มีความสนิทสนมกับหวังจู่เสียนมากทีเดียว เคยสังเกตุว่าเธอมักจะนั่งติดกับหวังจู่เสียนบ่อยๆ ขณะร่วมงาน กิจกรรมต่างๆ
แปดเทพอสูรมังกรฟ้า...กับ กงลี่ เชือดเฉือนกันทั้งพลังยุทธ์ หัวใจ และความสวย กับบทกึ่งมารกึ่งธรรมมะ
ในบท...หลี่ชิวสุ่ย/หลี่ชังไห่
และอีกบทของนางมารพิณพิฆาต อยากเห็นเธอดีดพิณมานานแล้วครับ สวยจริงๆ
ในปี 1992 เธอมีคิวหนังชนกันนับสิบเรื่อง และมีอีกหลายเรื่องที่ปฏิเสธไป ....นี่ก็อีกเรื่องที่โด่งดังในอเมริกา นางพญาผมขาว กำกับโดย หยูเหวินไถ้
ภาพถ่ายประกอบในอัลบั้มเพลง ที่ได้กลิ่นอายมาจาก เดชคัมภีร์เทวดา
และอีกภาพจาก พิณประกาศิต
หลังจากสร้างชื่อเสียงสู่จุดสูงสุดแห่งความเป็นซูเปอร์สตาร์ฮ่องกง และเอเซีย เธอก็ปิดฉากชีวิตมายาด้วยการแต่งงานกับผู้บริหาร Esprite ฮ่องกง ในปี 1994 ท่ามกลางความงงงันแกมดีใจของเหล่าสื่อมวลชน
และนี่คือคู่ชีวิตที่ไม่ใช่ ฉินฮั่น แต่เจ้าบ่าวของเธอคือมหาเศรษฐีชาวฮ่องกง มิสเตอร์ หลีฮั่วหยวน อดีตสามีผู้กำกับ-นางเอก จางอ้ายเจีย ที่แถมพ่วงลูกสาวติดมาด้วย นั่นเป็นการปิดฉากรักยาวนานและยืดเยื้อถึง 18 ปีของเธอและฉินฮั่น
การแต่งตัว และวิถีปฏิบัติของเธอดูสำรวมขึ้น เพราะต้องออกงานสังคมในฐานะภริยานักธุรกิจใหญ่
จากแบบเสื้อห้าเรียบเท่ มาสู่ความหรูหราสง่าสงาม
ภาพถ่ายในปี 1995 เป็นปกนิตยสาร Marie Clair ฮ่องกง
กับกิ๊บผีเสื้อเพชร ประดับผมที่เธออกแบบ และจำหน่าย ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่องหนุ่งในอดีตที่เธอแสดง
ลูกสาวคนแรกที่คลอดประมาณปี 1995-6 ...อ้ายหลิน (สุดที่รักหลิน) ตั้งชื่อโดยสามี
ภาพถ่ายในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้
หลินชิงเสียนั้น แม้จะมีมุมส่วนตัวของความขี้เหงา แต่หลังจากที่เธอเลิกกับฉินฮั่น ใครๆ ต่างก็ทักว่าดูร่าเริง สนุกสนานขึ้น นั่นยังทำให้เธอมีเพื่อนนักแสดงที่สนิทสนมเพิ่มขึ้นอีกด้วย และในบรรดาคนเหล่านั้นได้แก่...เลสลี่จาง จางมั่นอวี้ กงลี่ ฉีเคอะ .....ดังนั้นข่าวการเสียชีวิตของเลสลี่จางจึงกระทบความรู้สึกของเธออย่างยิ่ง
ความเศร้าไม่ได้เกิดเพียงครั้งเดียว เพื่อนอีกคนในกลุ่ม...เหมยเยี่ยฟาง ก็มีอันมาจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วนอีกคน
ในช่วง 2-3 ปี ไล่เลี่ยกันนี้ คนที่เธอรักหลายคนได้จากไปอย่างชัวนิรันดร์ รวมทั้งคุณแม่ของเธอเองด้วย
50 ปี ของชีวิตนั้น เธอได้เผชิญหลายสิ่งหลายอย่าง จนเรียกได้ว่ารู้ซึ้งถึงชีวิตอย่างถ่องแท้ ในวันนี้ หลินชิงเสีย จึงขอแค่ใช้ชีวิตในมุมเล็กๆ เงียบๆ หลบเร้นสายตานับร้อยล้านคู่ที่เฝ้าคอยจับจ้องอย่างไม่เสียดาย ร่วม 10 ปี แล้วกับการไร้เงาบนแผ่นฟิล์ม
ได้เป็นตัวของตัวเอง
และได้เป็นเพียง แม่ของลูก ที่ธรรมดาๆ คนหนึ่ง
....นี่แหละ ชีวิตในวัยที่ 50 ปี ของ หลินชิงเสีย
ภาพนี้สมัยที่ยังอยู่ไต้หวันเทียบกับภาพปัจจุบัน คุณเห็นความแตกต่างมากแค่ไหน...
สวย งามสง่าที่สุด หาตัวจับยากในยุคนั้นเลยทีเดียว บททุกบทที่เธอรับแสดง แม้ไม่ได้พูด อยู่เฉยๆก็ยังน่าชม เช่นในเรื่อง คัมภีร์แดนพยัคฆ์เป็นต้น
ตอบลบสวย งามสง่าที่สุด หาตัวจับยากในยุคนั้นเลยทีเดียว บททุกบทที่เธอรับแสดง แม้ไม่ได้พูด อยู่เฉยๆก็ยังน่าชม เช่นในเรื่อง คัมภีร์แดนพยัคฆ์เป็นต้น
ตอบลบvery good
ตอบลบ