วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

นางเอกในดวงใจ หลินชิงเสีย



นางเอกในดวงใจ หลินชิงเสีย



       


       ชื่อ : หลินชิงเสีย (林青霞)
       ชื่ออังกฤษ : บริจิต (Brigitte)
       เกิด : 3 พฤศจิกายน 1954
       ราศี : พิจิก
       อายุ : 55 ปี
       สถานที่เกิด : ไต้หวัน
       ครอบครัว : เป็นลูกคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้อง 3 คน
       สูง : 165 ซ.ม.
       น้ำหนัก : 50 ก.ก.
       กรุ๊ปเลือด : โอ
       การศึกษา : Taiwan Chingling Girls' Secondry School, Tanjiang General Education   
                         College
       สถานภาพ : แต่งงานแล้วกับนักธุรกิจชาวฮ่องกง ปัจจุบันมีลูกด้วยกัน 2 คน
       เรื่องที่ยากจะลืม : ผลงานชิ้นแรกถูกห้ามฉาย
       สถานที่น่าเบื่อ : สถานีโทรทัศน์
       กีฬาที่ชอบที่สุด : ว่ายน้ำ
       สีที่ชอบที่สุด : ส้ม
       นักร้องที่ชื่นชอบที่สุด : บาร์บาร่า สไตน์แซนด์
       จุดเด่น : อดทน แรงเยอะ
       ภาพยนตร์ที่ชื่นชอบที่สุด : เดชคัมภีร์เทวดา ภาค ตงฟางปู้ป้าย



ยุคทองของหลินชิงเสีย


ภาพยนตร์แนวรักโรแมนติคที่เธอเล่นกะฉินฮั่นคู่ขวัญของเธอ
โด่งดังมากๆๆ จนมีฉายาว่า2ฉิน2หลิน(อีกคู่คือฉินเสียงหลิน-หลิีนฟ่งเจียว)


หลินชิงเสียเป็นชาวไต้หวัน เริ่มเข้าวงการโดยมาแมวมองไปพบเธอ
ขณะเดินเล่นที่ย่านซีเหมินติง(เหมือนสยามบ้านเรา) 

(รูปนี้คล้ายกะจางป๋ิอจือจัง)

หลังจากหลินชิงเสียงแสดงหนังที่ไต้หวันจนมีชื่อเสียงแล้ว
เธอจึงเบนมายังตลาดหนังของฮ่องกง


ช่วงที่เธอโด่งดังจากพระเอกฉินฮั่นคู่ขวัญของเธอ
ก็กลายเป็นความรักนอกจอแต่ความรักนี้เป็นความรักที่ผิด
เพราะฝ่ายชายมีภรรยาอยู่แล้ว ทำให้ทั้ง2รักกันแบบแอบแฝง

ถึงเป็นความรักแบบแอบแฝงแต่พอมาถึงปีที่7ฝ่ายชายก็ยังไม่หย่ากับภรรยาเดิม
ทำเอาหลินซิงเสียเฮิร์ทจัด(สมควรอยู่น่ะ)เธอจึงหนีไปเมืองนอก


ซึงในช่วงนี้ชีวิตรักเธอมีผู้ชายอีกคนเข้ามาคือฉินเสียงหลินพระเอกดังอีกคน
จนกลายเป็นรัก3เส้า หลินซิงเสียลืมฉินฮั่นไม่ลง ฉินเสียงหลินก็ตื้อไม่เลิก
ถึงขนาดที่เธอใจอ่อนหมั้นกับฉินเสียงหลิน



แต่เธอหมั้นไปได้4ปีก็ถอนหมั้นกับฉินเสียงหลินเพราะเธอยังลืมฉินฮั่นไม่ได้
เรียกว่าเป็นรักปักใจอ่ะน่ะ


สุดท้ายหลินซิงเสียจึงหวนกลับไปไต้หวัน และฉินฮั่นก็หย่ากับภรรยาเดิม
หลินซิงเสียย้ายไปอยู่กับฉินฮั่นตามที่ใจเรียกร้อง แต่พอผ่านไป1ปี


ปี1994หลินซิงเสียได้จัดงานแต่งงาน แต่เจ้าบ่าวของเธอกลับไม่ใช้ฉินฮั่น
แต่เป็นมหาเศรษฐีชาวฮ่องกงหลีฮั่วหยวน(เป็นตัวแทนจำหนาย
ESPRITที่ฮ่องกง)

เป็นการปิดฉากรักยาวนาน(และยืดเยื้อ)ถึง18ปีของเธอและฉินฮั่น(นานจริงๆ)

(2สุดยอดนักแสดงหญิงกงลี่-หลินซิงเสีย)

พูดถึงผลงานหนังของหลินซิงเสียบ้างอย่างที่บอกหนุไม่ทันยุคทองของเธอ
เลยได้ดูหนังช่วงหลังของเธอช่วงปี90

หนังยุค80ที่คนไทยน่าจะรุ้จักก็อย่าง(รูปข้างบน)ความฝันในหอแดง
เรืองนี้เธอเล่นเป็นพระเอก แต่งตัวเป็นผู้ชายน่ะค่ะ


ปี80ยังมีหนังอีกเยอะเช่นศึกเขาซูซัน นางพญางูขาว วิ่งสู้ฟัด1 เป็นต้น

ถึงช่วง90 เริ่มได้ดูหนังเธอบ้าง เรื่องนี้เลยที่เรารู้จักเธอ
เดชคัมภีร์เทวดา(กระบี่เย้ยยุทธจักร)


กับบทบูรพาไม่แพ้-ตงฟางปุ้ป้าย


บทเลี่ยนงี้เชี่ยนนางพญาผมขาวทั้ง2ภาค


หรือบทสาวผมทองในหนังของผู้กับกับสุดเหงาหว่องคาร์ไว
ในหนังอารมณ์เหงา
Chungking Expresss


หนังของหว่องคาร์ไวอีกเรื่องAshes of time




ใครสนใจหนังที่เธอเล่นลองหาจากวิกิพีเดียเอาน่ะค่ะ

หลังจากที
แต่งงานไปแล้วหลินซิงเสียมีผลงานในวงการน้อยลง


เพราะเธอมีลูกสาวคนแรกพอหลังจากมีลุกคนที่2ในปี2001
เธอก็ไม่ได้มีผลงานในวงการ หันไปเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกสาวทั้ง2

แต่หลินซิงเสียยังคงปรากฏตัวอยู่เนืองๆๆน่ะค่ะ


หลินซิงเสียเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆๆน่ะค่ะไม่ว่าจะผ่านมากี่10ปี
เธอยังดูสวยไม่เปลี่ยน ดูสวยตามสมตามวัยของเธอ
สาวๆลองทายดูว่าเํธออายุเท่าไรแล้วตอนนี้





    อีกบทของนางมารพิณพิฆาต อยากเห็นเธอดีดพิณมานานแล้วครับ สวยจริงๆ


    ภาพจาก พิณประกาศิต
     
     
    จากคุณ : 13 (krisch13friday)  - [ 26 ม.ค. 48 15:08:29 ]
 
 




50 ปีแห่งความสวยของเธอ - บูรพาไม่แ้พ้
ช่วงปี70เป็นดาราขายดีเรียกว่าเป็นยุคทองของหลินชิงเสีย
 
เป็นที่น่าสังเกตุว่าหนังไต้หวันในยุคนั้น เน้นพลอตเรื่องเป็นแบบเมโลดราม่า คือโศกนาฏกรรมความรักเป็นหลัก ความรักที่มีอุปสรรค เริ่มเรื่องทุกอย่างสวยงาม หวานชื่น ด้วยความฝัน

 
หลินชิงเสียเป็นชาวไต้หวัน เริ่มเข้าวงการโดยมาแมวมองไปพบเธอ
ขณะเดินเล่นที่ย่านซีเหมินติง(เหมือนสยามบ้านเรา) 

 

หลังจากหลินชิงเสียงแสดงหนังที่ไต้หวันจนมีชื่อเสียงแล้ว
เธอจึงเบนมายังตลาดหนังของฮ่องกง


 


ในจังหวะเดียวกันนั้น ฉินเสียงหลิน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่ง ใน 4 ดารายอดนิยมในยุค 2 ฉิน 2 หลิน (ฉินฮั่น ฉินเสียงหลิน-หลินชิงเสีย หลินฟ่งเจียว ) ซึ่งแอบรักหลินชิงเสียมานานก็เปิดใจกับเธอและบินไปหมั้นกับเธอ


 

แต่ท้ายสุด หลินชิงเสียนั้นไม่สามารถหักใจลืมรักแรกนั้นได้ เธอจึงถอนหมั้นกับฉินเสียงหลินด้วยความเด็ดเดี่ยว การแต่งงานสำหรับเขาและเธอจึงไม่ได้มีขึ้นและปิดฉากลงแค่เพียงในภาพยนตร์เท่านั้น

 

ชีวิตรักของหลินชิงเสียและฉินฮั่น ยิ่งนานวันก็ยิ่งเป็นเสมือนหนังที่พวกเขาร่วมสวมบทบาทในการแสดง เมื่อความสัมพันธ์ทางใจนั้นถูกเปิดเผย และกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ (พระเอกฉินฮั่นมีภรรยาแล้ว) ในทศวรรษที่ 1 ของการครองความนิยม (1983)  ทั้งสองจึงต้องแยกตัวจากกัน หลินชิงเสียนั้นปลีกตัวไปใช้ชีวิตในอเมริกาเป็นเวลาร่วม 2 ปี

 
2 ปีกับการอยู่เพียงลำพังในต่างประเทศ ได้เปลี่ยนหลินชิงเสียที่อ่อนหวาน อ่อนแอ และเก็บความรู้สึกเช่นเดียวกับภาพลักษณ์ในบทหนังที่เธอแสดงไปสู่หลินชิงเสียคนใหม่ ที่มีความชัดเจน และเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น

มาดนักฆ่า...ในผู้หญิงผมทอง ของหวังเจียเว่ย ผู้กำกับหนังแห่งอาเซียน
  

ฉีเคอะ คือเพื่อนสนิทอีกคนของเธอที่เขาชอบใช้หลินชิงเสียในหนังของเขา และทดลองให้เธอแสดงหนังด้วยคาแร็กเตอร์หลากหลาย ที่ติดตรึงใจและนับเป็นการปูพื้นภาพลักษณ์ของเธอสู่การเป็น บูรพาไม่แพ้ ในอีก 5-6 ปีต่อมา นั่นคือภาพลักษณ์และบทบาทของหลินชิงเสียที่มีลักษณะกึ่งหญิงกึ่งชาย กึ่งธรรมะ-กึ่งอธรรมใน เผ็ด สวย ดุ (The peking Opera )
 
การร่วมงานกับฉีเคอะในปลายทศวรรษที่ 2 ของการเข้าวงการ ในตอนปลายของปี 80 ทำให้หลินชิงเสียคือดาราไต้หวันเพียงไม่กี่คนที่สามารถข้ามเกาะมาสร้างชื่อเสียงเป้นที่ยอมรับในฮ่องกง เริ่มจาก Zu Wirrior ต่อเนื่องด้วย Pekking opera เผ็ด สวย ดุ ช่วยขยายฐานความนิยมในฮ่องกงให้เธออย่างท่วมท้น

 

และเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่าง หลินชิงเสีย และ จงฉู่หง แห่งดอกไม้กับนายกระจอก ทั้งสองคนเล่นหนังด้วยกันอย่างน่าประทับใจ 10 ปีหลังจากนั้นเมื่อหลินชิงเสียกำลังโด่งดังสุดโต่งกับบท บูรพาไม่แพ้ เธอได้พบจงฉู่หงอีกครั้งและทาบทามให้กลับวงการ แต่ดูเหมือน จงฉู่หง จะติดใจความเป็นศรีภรรยามากกว่า แฟนๆ จึงไม่มีโอกาสได้ชมบทบาทของเธออีกเลย
 
Red Dust คือภาพยนตร์เนื้อหาดีอีกเรื่องที่หลินชิงเสียได้รับรางวัลม้าทองคำ กับบทบาทที่ยอดเยี่ยม เธอสวมบทนักประพันธ์หญิงในช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปักกิ่งซึ่งมีสามีคือ ฉินฮั่น และมีเพื่อนสนิทคือจางม่านอวี้ เมื่อไฟสงครามประทุจนถึงจุดแตกหักพวกเขาจึงตัดสินใจแอบหนีขึ้นรถไฟเพื่อไปสู่ฮ่องกง บังเอิญที่หลินชิงเสียและฉินฮั่นมีตั๋วรถไฟเพียงใบเดียว โดยที่สามีไม่รู้ว่าหลินชิงเสียได้มอบตั๋วรถไฟใบนั้นให้ฉินฮั่น ในช่วงจราจล เมื่อทุกอย่างสงบลง ฉินฮั่นกลับมาเพื่อตามหาหลินชิงเสียที่พลัดพรากกันกว่า 10 ปี เพื่อที่จะพบเพียงสถานที่แห่งความทรงจำ แต่ก็ไม่มีคนรักในความทรงจำ

 

ภาพจากซูซัน โดยฉีเคอะในปี 1983

 
เธอสวยยิ่งกว่า จางป๋อจือ อีกครับ

 

ในปี 1990 ฉีเคอะดัดแปลงนวนิยายลือชื่อ... "กระบี่เย้ยยุทธจักร" ของกิมย้งลงเป็นแผ่นฟิล์ม และตัดสินใจสร้างภาคต่อทันที ในชื่อ เดชคัมภีร์เทวดา 2 โดยเน้นบทบาทหลักระหว่างความสัมพันธ์ของ เหล็งฮู้ชง และ ตงฟางปุป้าย ซึ่งสวมบมโดย หลี่เหลียนเจี๋ย และหลินชิงเสีย ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่กว่าภาคแรกได้ปลุกหลินชิงเสียให้กลับมาผงาดขึ้นสู่ความเป็นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งในวัย 40 กะรัต อีกครั้ง จนถึงกับมีผู้คร่ำหวอดในวงการออกปากวิจารณ์ว่า...

"ชะตาชีวิตของหลินชิงเสียนั้นแปลก ทุกครั้งที่ถึงจุดเปลี่ยนของยุคหนัง และดูเหมือนดวงเธอกำลังจะซบเซาลงด้วยกระแสที่เปลี่ยนแปลง เธอมักจะได้โอกาสในการเปลี่ยนน้ำใหม่และสร้างชื่อเสียงกลับมาได้เสมอ เหมือนแมวเก้าชีวิต"

...อย่างในต้นปี 80 ก็ได้แสดง Zu warrior ซึ่งทำให้เธอโด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง ในต้นปี 90 ก็เหมือนกัน เธอกลับได้แสดงใน Swordman 2 ...ทั้งเธอและฉีเคอะดูจะเกิดมาเพื่อส่งเสริมกันเป็นแน่แท้

 
เพียงชั่วข้ามคืน ชื่อเสียง และเงินทอง ก็เข้ามาหาเธออีกครั้ง และดูจะยิ่งใหญ่กว่ายุคเจิดจรัสเมื่อแรกเข้าวงการอีกหลายขุม

 

ยิ่งไปกว่านั้น หนังเรื่องนี้ยังดังตั้งแต่ยังไม่ได้ลงโรงฉายด้วยซ้ำ เพราะเกือบเป็นเหตุให้หลินชิงเสียต้องจบชีวิตใต้ทะเล ขณะถ่ายทำฉากหนึ่งซึ่งเธอจะต้องค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากทะเลขณะฝึกวิชา ในการถ่ายทำ หลินชิงเสียซึ่งต้องสวมวิกยาวจะถูกปล่อยลงในทะเลในตำแหน่งที่กำหนด แล้วเธอจะดำน้ำเพื่อขึ้นไปอยุ่บนพานลูกรอกเลื่อนขึ้นเหนือผิวน้ำ บังเอิญว่าขณะที่ลูกรอกกำลังเลื่อนขึ้นนั้น วิกผมได้เข้าไปพันกับลูกรอกและดึงเธอไว้ใต้ทะเลเป็นเวนานจนผิดสังเกตุ ท่ามกลางความตกใจ หลินชิงเสียก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาเหนือผิวน้ำอย่างอ่อนแรง ทางทีมงานจึงกุลีกุจอเข้าช่วยนำส่งโรงพยาบาล

จากคำบอกเล่าของเธอ ในนาทีที่วิกผมติดกับสายพานเธอพยายามดึงวิกผมออกเพื่อจะว่ายขึ้นเหนือนน้ำ แต่บังเอิญว่าสายพานได้กินเนื้อผมในวิกและบางว่วนของผมจริงเข้าไปด้วย ในนาทีวิกฤตินั้น หลินชิงเสียกัดฟันกระชากผมจริงจนหลุดเป็นอิสระด้วยความเจ็บปวด 

หลักจากพักฟื้นเพียงค่ำตืนเดียว เธอก็ตัดสินใจเข้าฉากในวันรุ่งขึ้นด้วยสปิริตนักแสดง เพราะไม่อยากให้ทีมงานต้องถอนการเซ็ตและมาถ่ายทำใหม่

หลังการถ่ายทำลุล่วงไปด้วยความพอใจ เฉินเสี่ยวตง ผู้กำกับคิวบู๊ ยกย่องในสปิริตการแสดงของหลินชิงเสียอย่างชื่นชม

 

หลังจากนั้นร่วมปี ฉีเคอะก็รังสรรค์ "เดชคัมภีร์เทวดา 3 ...หมื่นปีมีข้าคนเดียว"และต้องรักข้าคนเดียว ครั้งนี้เขาได้นำ หวังจู่เสียนมาประกบกับหลินชิงเสียอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งคู่เคยร่วมงานกันใน Web of Dicipline ซ้ำยังให้ทั้งสองแสดงบทโรแมนซ์ร่วมกันอีกด้วย 

หวังจู่เสียน ก็เป็นอีกคนที่กล่าวชื่นชมหลินชิงเสียในความสวย ที่เคยเป็นขวัญใจเธอในวัยเด็ก 
ส่วนหลินชิงเสียนั้นก็มีความสนิทสนมกับหวังจู่เสียนมากทีเดียว เคยสังเกตุว่าเธอมักจะนั่งติดกับหวังจู่เสียนบ่อยๆ ขณะร่วมงาน กิจกรรมต่างๆ

 

แปดเทพอสูรมังกรฟ้า...กับ กงลี่ เชือดเฉือนกันทั้งพลังยุทธ์ หัวใจ และความสวย กับบทกึ่งมารกึ่งธรรมมะ

 
ในบท...หลี่ชิวสุ่ย/หลี่ชังไห่ 

 


และอีกบทของนางมารพิณพิฆาต อยากเห็นเธอดีดพิณมานานแล้วครับ สวยจริงๆ

 

ในปี 1992 เธอมีคิวหนังชนกันนับสิบเรื่อง และมีอีกหลายเรื่องที่ปฏิเสธไป ....นี่ก็อีกเรื่องที่โด่งดังในอเมริกา นางพญาผมขาว กำกับโดย หยูเหวินไถ้

 

ภาพถ่ายประกอบในอัลบั้มเพลง ที่ได้กลิ่นอายมาจาก เดชคัมภีร์เทวดา

 

และอีกภาพจาก พิณประกาศิต

 

หลังจากสร้างชื่อเสียงสู่จุดสูงสุดแห่งความเป็นซูเปอร์สตาร์ฮ่องกง และเอเซีย เธอก็ปิดฉากชีวิตมายาด้วยการแต่งงานกับผู้บริหาร Esprite ฮ่องกง ในปี 1994 ท่ามกลางความงงงันแกมดีใจของเหล่าสื่อมวลชน

 

และนี่คือคู่ชีวิตที่ไม่ใช่ ฉินฮั่น แต่เจ้าบ่าวของเธอคือมหาเศรษฐีชาวฮ่องกง มิสเตอร์ หลีฮั่วหยวน อดีตสามีผู้กำกับ-นางเอก จางอ้ายเจีย ที่แถมพ่วงลูกสาวติดมาด้วย นั่นเป็นการปิดฉากรักยาวนานและยืดเยื้อถึง 18 ปีของเธอและฉินฮั่น
 

การแต่งตัว และวิถีปฏิบัติของเธอดูสำรวมขึ้น เพราะต้องออกงานสังคมในฐานะภริยานักธุรกิจใหญ่

 

จากแบบเสื้อห้าเรียบเท่ มาสู่ความหรูหราสง่าสงาม

 

ภาพถ่ายในปี 1995 เป็นปกนิตยสาร Marie Clair ฮ่องกง

 

กับกิ๊บผีเสื้อเพชร ประดับผมที่เธออกแบบ และจำหน่าย ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่องหนุ่งในอดีตที่เธอแสดง
 

ลูกสาวคนแรกที่คลอดประมาณปี 1995-6 ...อ้ายหลิน (สุดที่รักหลิน) ตั้งชื่อโดยสามี

 

ภาพถ่ายในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้

 

หลินชิงเสียนั้น แม้จะมีมุมส่วนตัวของความขี้เหงา แต่หลังจากที่เธอเลิกกับฉินฮั่น ใครๆ ต่างก็ทักว่าดูร่าเริง สนุกสนานขึ้น นั่นยังทำให้เธอมีเพื่อนนักแสดงที่สนิทสนมเพิ่มขึ้นอีกด้วย และในบรรดาคนเหล่านั้นได้แก่...เลสลี่จาง จางมั่นอวี้ กงลี่ ฉีเคอะ .....ดังนั้นข่าวการเสียชีวิตของเลสลี่จางจึงกระทบความรู้สึกของเธออย่างยิ่ง

 
ความเศร้าไม่ได้เกิดเพียงครั้งเดียว เพื่อนอีกคนในกลุ่ม...เหมยเยี่ยฟาง ก็มีอันมาจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วนอีกคน

 

ในช่วง 2-3 ปี ไล่เลี่ยกันนี้ คนที่เธอรักหลายคนได้จากไปอย่างชัวนิรันดร์ รวมทั้งคุณแม่ของเธอเองด้วย

 

50 ปี ของชีวิตนั้น เธอได้เผชิญหลายสิ่งหลายอย่าง จนเรียกได้ว่ารู้ซึ้งถึงชีวิตอย่างถ่องแท้ ในวันนี้ หลินชิงเสีย จึงขอแค่ใช้ชีวิตในมุมเล็กๆ เงียบๆ หลบเร้นสายตานับร้อยล้านคู่ที่เฝ้าคอยจับจ้องอย่างไม่เสียดาย ร่วม 10 ปี แล้วกับการไร้เงาบนแผ่นฟิล์ม

 

ได้เป็นตัวของตัวเอง

 

และได้เป็นเพียง แม่ของลูก ที่ธรรมดาๆ คนหนึ่ง
....นี่แหละ  ชีวิตในวัยที่ 50 ปี ของ หลินชิงเสีย

 

ภาพนี้สมัยที่ยังอยู่ไต้หวันเทียบกับภาพปัจจุบัน คุณเห็นความแตกต่างมากแค่ไหน...



















3 ความคิดเห็น:

  1. สวย งามสง่าที่สุด หาตัวจับยากในยุคนั้นเลยทีเดียว บททุกบทที่เธอรับแสดง แม้ไม่ได้พูด อยู่เฉยๆก็ยังน่าชม เช่นในเรื่อง คัมภีร์แดนพยัคฆ์เป็นต้น

    ตอบลบ
  2. สวย งามสง่าที่สุด หาตัวจับยากในยุคนั้นเลยทีเดียว บททุกบทที่เธอรับแสดง แม้ไม่ได้พูด อยู่เฉยๆก็ยังน่าชม เช่นในเรื่อง คัมภีร์แดนพยัคฆ์เป็นต้น

    ตอบลบ